ปตท.สผ. ต่อยอดนวัตกรรมบ่อก๊าซชีวภาพเปลี่ยนมูลสัตว์สู่พลังงานครัวเรือน

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อเสิรมสร้างความมั่งคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศ ควบคู่ไปกับสร้างสรรค์โครงการที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชนในพื้นที่ปฏิบัติการของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางของการพัฒนาอย่างยั่งยืน


ย้อนกลับไปเมื่อปี 2555 หมู่บ้านทับไฮ  อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งตั้งอยู่บริเวณโครงการสินภูฮ่อมของ ปตท.สผ. ประสบปัญหามลภาวะจากการลี้ยงสัตว์ มูลสัตว์โดยเฉพาะสุกร  ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจของชุมชน  ก่อปัญหามลภาวะทางกลิ่น และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และแพร่พันธ์ของเชื้อโรคและแมลงวัน ปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำ  จึงเป็นภาระของฟาร์มหรือผู้ประกอบการในชุมชนที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น  เพื่อดูแลและจัดการปัญหาเหล่านี้ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพของคนในชุมชน

นายกิตติศักดิ์  หิรัญญะประทีป ผู้จัดการอาวุโส โครงการร่วมทุนบนฝั่ง (ประเทศไทย) ปตท.สผ. เล่าว่า  ปตท.สผ.เข้าไปร่วมกับชุมชนเพื่อช่วยแก้ปัญหา  โดยการสนับสนุนการจัดทำโครงการบ่อก๊าซชีวภาพ (Bio-Gas) ส่งเสริมให้ชาวบ้านคัดแยกขยะในครัวเรือน จัดทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร และกำจัดสิ่งปฏิกูลจากฟาร์มสัตว์ ด้วยการจัดทำบ่อก๊าซชีวภาพ ซึ่งนำมาสู่การจัดการด้านพลังงานทดแทนในชุมชน ช่วยลดปัญหาขยะ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้เชื้อเพลิงสำหรับชุมชนและโรงเรียนในหมู่บ้าน นับเป็นการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและพึ่งพาตนเองมาปรับใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรมและได้ความร่วมมือจากชาวบ้านเป็นอย่างดี   จนสามารถพลิกฟื้นวิกฤติปัญหาขยะในชุมชนให้กลายเป็นโอกาสได้ ปัจจุบันมีชุมชน 112 ครัวเรือนเข้าร่วมในโครงการผลิตก๊าซชีวภาพ

บ่อก๊าซชีวภาพดังกล่าว มีขนาดบ่อกว้างประมาณ 1.7 เมตร ยาว 4 เมตร และขุดลึกจากพื้นดินส่วนหัวบ่อประมาณ 0.8 เมตร ลาดเทไปยังส่วนท้ายบ่อลึก 1 เมตร  สามารถผลิตก๊าซชีวภาพที่ใช้งานได้ทั้งกับฟาร์มขนาดใหญ่และขนาดย่อม ไปจนถึงโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็กของชาวบ้านในชุมชน โดยประยุกต์ใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นมาเป็นอุปกรณ์ สำหรับกักเก็บมูลสัตว์และหาจุดขุดหลุมสำหรับบ่อก๊าซ  

จากนั้นทำถุงหมักก๊าซชีวภาพจากพีวีซีที่มีราคาไม่แพง ขนาด 7 ลูกบาศก์เมตรต่อหลุม  จากนั้นนำมูลสัตว์และขยะที่แยกไว้มาหมักจนได้ก๊าซมีเทนที่นำไปเป็นเชื้อเพลิงได้   เฉลี่ยวันละประมาณ 2-3 ลูกบาศก์เมตรต่อหลุม สามารถใช้ทดแทนก๊าซแอลพีจี (LPG) ได้ประมาณเดือนละ 1 ถัง ช่วยชาวบ้านประหยัดเงินค่าก๊าซได้ประมาณ 300-400 บาท ต่อครัวเรือน   อีกทั้งเศษมูลสัตว์ที่เหลือจากบ่อก๊าซชีวภาพยังสามารถนำมาใช้ทำปุ๋ยอินทรีย์  ช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการใช้ปุ๋ยเคมีไปได้อีกประมาณเดือนละ  300 บาทอีกด้วย

นายฉัตรชัยเหลาเกลี้ยงดีผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านทับไฮ กล่าวว่า โรงเรียนได้จัดทำบ่อก๊าซชีวภาพมา  3 ปี แล้ว ปัจจุบันมีบ่อก๊าซชีวภาพจำนวน  2 บ่อ ที่ผลิตก๊าซมีเทนจากเศษอาหารและหญ้าเนเปียร์สับ  เทลงทางปากบ่อหมักก๊าซรูปร่างคล้ายแคปซูลขนาดใหญ่สีดำตามสีของผ้ายางที่ทำจากพีวีซี   ซึ่งได้รับการสนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์ รวมทั้งงบประมาณจาก ปตท.สผ. ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของก๊าซหุงต้มลงได้อย่างเห็นชัด  หากเทียบกับการซื้อก๊าซหุงต้มเดือนละถัง  ใน 3 ปี โรงเรียนสามารถประหยัดงบประมาณการซื้อก๊าซหุ้งต้ม มูลค่ามากกว่า 14,000  บาท

“ปัจจุบันโรงเรียนปลูกหญ้าเนเปียร์บนพื้นที่ประมาณ 1 งานกว่าเพื่อนำมาสับละเอียดใช้เติมลงบ่อก๊าซชีวภาพ เพิ่มเติมจากเศษอาหารและบางครั้ง ก็ให้นักเรียนตัดหญ้าเนเปียร์ไปแลกมูลวัว มูลควาย มูลไก่ มูลหมู ของเสียจากสัตว์นานาชนิดในหมู่บ้านมาเป็นวัตถุดิบสำหรับเติมลงบ่อหมักเพื่อให้ได้ก๊าซที่เพียงพอต่อการใช้ประกอบอาหารสำหรับนักเรียน ในอนาคตโรงเรียนบ้านทับไฮอาจมีโครงการจัดหาวัวมาเลี้ยง โดยให้หญ้าเนเปียร์เป็นอาหาร และนำมูลวัวมาเติมบ่อก๊าซชีวภาพอย่างจริงจัง” ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านทับไฮ กล่าว

นายละม่อม สิทธิศาสตร์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านทับไฮ ตำบลแสงสว่าง อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี เล่าว่า โครงการกำจัดมูลสัตว์นำมาผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน นอกจากจะช่วยแก้ปัญหากลิ่นเหม็นของมูลหมูและขยะจากเศษอาหารได้แล้ว ยังได้เชื้อเพลิงมาใช้เพื่อประกอบอาหารสำหรับสมาชิกในครอบครัว ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก การติดตั้งและการบำรุงรักษาบ่อก๊าซชีวภาพก็สามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม  เมื่อเราเริ่มทำแล้วได้ผลและเกิดประโยชน์จริง   ทำให้คนในชุมชนเกิดความรู้สึกอยากมีส่วนร่วม ตอนนี้หมู่บ้านทับไฮหลายครัวเรือนมีบ่อก๊าซเป็นของตัวเองแล้ว   และคาดว่าจะมีชาวบ้านทำบ่อก๊าซเพิ่มมากขึ้นอีก

ตลอดระยะเวลา  5 ปีที่ผ่านมา ประโยชน์ที่ชาวบ้านกว่าร้อยครัวเรือนในหมู่บ้านทับไฮ ได้ร่วมกันพลิกวิกฤติปัญหาขยะและสิ่งปฏิกูลจากมูลสัตว์ ให้กลายเป็นพลังงานที่มีคุณค่า จากโครงการบ่อก๊าซชีวภาพ (Bio-Gas) นับเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า  โครงการดังกล่าวเป็นโมเดลชุมชนต้นแบบที่สามารถแก้ปัญหาของชุมชนด้วยการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานที่มีประโยชน์  ช่วยให้ชาวบ้านสามารถพึ่งพาตนเองได้  ตามแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียงที่พึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน   และพร้อมที่จะส่งต่อองค์ความรู้เหล่านี้ไปสู่ชุมชนใกล้เคียงได้ต่อไปในอนาคต