พณ.จับมือ SMEs ไทยก้าวไกลสู่ตลาดอังกฤษ

กระทรวงพาณิชย์ ให้ความสาคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตอบสนองนโยบายรัฐบาลตามแผน ยุทธศาสตร์การเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจ Strategic Partnership ของท่านรองนายกรัฐมนตรี ดร.สมคิด จาตุศรี พิทักษ์ ในการเปิดตลาดการค้า การลงทุนกับประเทศคู่ค้าเพื่อผลักดันการส่งออก และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยสามารถเข้าถึงตลาดและช่องทางการจัดจาหน่ายได้มากขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับสภาผู้นา นักธุรกิจไทย – สหราชอาณาจักร (Thai – UK Business Leadership Council : TUBLC) และกลุ่ม TESCO ในการเป็นตัวกลางจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณฑ์ไทยไปขายในต่างประเทศ โดยการพัฒนาศักยภาพ และเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ SMEs




นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สหราชอาณาจักร เป็นตลาดที่ ไทยจัดลาดับความสาคัญไว้ในลาดับต้นๆของตลาดในสหภาพยุโรปรวมถึงกระทรวงพาณิชย์พิจารณาให้เป็น ประเทศที่มีความสาคัญในระดับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของไทย (Strategic Partnership) ด้วย กระทรวงพาณิชย์โดยนายสนธิรัตน์ฯ ได้เข้าร่วมการประชุมสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อเดือนเมษายน 2560 ที่ผ่านมา 

ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดีทั้งด้านเศรษฐกิจ และการเมือง ที่มีผู้นำระดับรัฐมนตรีทั้งฝ่ายไทยและสหราชอาณาจักรได้เข้าร่วมหารือกันและมีสมาชิกภาคเอกชนรายใหญ่ของฝ่ายอังกฤษและไทยเข้าร่วมด้วย อาทิ ฝ่ายไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัดและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นต้น 

ส่วนฝ่ายอังกฤษ บริษัทเอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (Tesco) บริษัท Rolls Royce ธนาคาร HSBC และ British Chamber of Commerce Thailand เป็นต้น ซึ่งสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 โดยมีหน้าที่ส่งเสริมการค้าและการลงทุน การกำหนดแผนและเสนอโอกาสทางธุรกิจตลอดจนให้คำแนะนาและสนับสนุนรัฐบาลทั้งสองประเทศในเรื่องการค้า และการขจัดอุปสรรคปัญหาทางการค้าระหว่างกัน 

ทั้งนี้การประชุมสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร มีการจัดประชุมปีละ 2 ครั้ง ซึ่งไทยและสหราชอาณาจักรผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งผลสาเร็จของการสัมมนาในวันนี้ นับเป็นความร่วมมือระหว่างกันที่จะช่วยผลักดัน ให้ SMEs ไทยขยายตลาดการค้าไปสู่สหราชอาณาจักรได้ และจะได้นำเสนอในที่ประชุมสภาผู้นำนักธุรกิจไทย –สหราชอาณาจักร (TUBLC) ครั้งต่อไปในปี 2561 ณ กรุงเทพมหานคร

นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เสริมว่า เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร และตอบโจทย์นโยบายรัฐบาลตามแผนยุทธศาสตร์การเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจ Strategic Partnership ของท่านรองนายกรัฐมนตรี 

ด้วยเหตุนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมสินค้าจากผู้ประกอบการไทยให้สามารถขยายช่องทางการขายไปสู่ตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหราชอาณาจักร จึงได้จัดงานสัมมนา “พัฒนาสินค้าไทยเติบโตไกลสู่ตลาด อังกฤษ”ขึ้นในวันที่ 24 มกราคม 2561 ณ ห้อง Auditorium สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร 

กิจกรรมจะมุ่งเน้นเผยแพร่องค์ความรู้ 3 หมวด ได้แก่ 1) ข้อมูลภาพรวมการ ส่งออกระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร 2) ธุรกิจค้าปลีกและแนวโน้มผู้บริโภคในสหราชอาณาจักร 3) มาตรฐานผลิตภัณฑ์เพื่อจาหน่ายในห้างเทสโก้ โดยภายในงานมีการจัดโซนให้คาปรึกษาทั้งในด้านการตลาด ด้านการสนับสนุนทางการเงิน และด้านความพร้อมของผลิตภัณฑ์ ซึ่งความรู้และข้อมูลต่างๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนมาช่วยกันถ่ายทอดให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานในวันนี้จะช่วยให้ SMEs ไทยสามารถพัฒนาธุรกิจของตนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก 

นอกจากนี้แล้วการให้การสนับสนุน SMEs จะดาเนินไปอย่างต่อเนื่องหลังจากงานในวันนี้ โดยจะมีการติดตามความคืบหน้าของ SMEs ที่มีความ พร้อมเพื่อช่วยกันผลักดันให้สามารถส่งสินค้าคุณภาพจากประเทศไทยไปสู่ตลาดอังกฤษได้สาเร็จ

สหราชอาณาจักร เป็นตลาดที่ไทยจัดลำดับความสาคัญไว้ในลำดับต้นๆของตลาดในสหภาพยุโรป โดยกระทรวงพาณิชย์พิจารณาให้เป็นประเทศที่มีความสำคัญในระดับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของไทย (Strategic Partnership) ด้วย โดยในปี 2560 สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับที่ 18 ของไทย และอันดับที่ 2 จากสหภาพยุโรป เป็นตลาดส่งออกและตลาดนำเข้าอันดับที่ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป 

สาหรับการค้าระหว่างไทย-สหราชอาณาจักร ในปี 2560 มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกัน ในปี 2560 ไทยส่งออกสินค้ามายังสหราชอาณาจักรมูลค่า 4,080 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ในขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าจากสหราชอาณาจักรมูลค่า 2,940 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ไทยได้ดุลการค้า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่รถยนต์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ อากาศยาน ยานอวกาศและส่วนประกอบอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า น้ำมันดิบ เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม