พม. เร่งสร้างเครือข่ายเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าประเวณี

วันที่ 25 ม.ค. 61 เวลา 09.00 น. นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการสร้างแกนนำเครือข่ายเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าประเวณี ครั้งที่ 2 และบรรยายพิเศษ เรื่อง : แนวทางการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าประเวณีตามภารกิจของ สค. โดยมี นายวิศิษฐ์ ผลดก ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ กล่าวรายงาน ณ โรงแรมเดอะรอยัลซิตี้ กรุงเทพฯ 
 

นายเลิศปัญญา กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาการค้าประเวณีมีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อครอบครัว สังคมและประเทศชาติ ทั้งในด้านการคุกคามทางเพศ การบั่นทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองและศีลธรรม จรรยาที่ดีงาม อันเกิดเป็นความเดือดร้อนและส่งผลเสียหายต่อความสงบสุขของประชาชนและความมั่นคงของชาติ จนก้าวไปสู่การค้ามนุษย์ที่เป็นปัญหาระดับประเทศและมีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและเกียรติภูมิของประเทศไทยในสายตาของนานาประเทศ 
 

นายเลิศปัญญากล่าวต่ออีกว่า ถึงแม้ว่าในปัจจุบันได้มีการนำพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาเป็นหลักในการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ซึ่งจัดเป็นรูปแบบหนึ่งของการค้ามนุษย์ก็ตาม แต่เมื่อลงในรายละเอียดก็ยังมีความแตกต่างกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 ซึ่งเป็นกฎหมายที่กำหนดขึ้น โดยมุ่งช่วยเหลือผู้ค้าประเวณี ซึ่งมองว่าเป็นผู้ด้อยโอกาส ควรได้รับการดูแล ช่วยเหลือ คุ้มครองและพัฒนาอาชีพ ตลอดจนได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมถึงการคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่อาจถูกล่อลวงหรือชักพาไปเพื่อการค้าประเวณี มีการกำหนดโทษผู้กระทำผิด และผู้โฆษณาชักชวนด้วยก็ตาม 
 

   

“พม. โดย กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของทุกหน่วยงาน รวมถึงองค์กรประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ว่าสามารถรวมตัวเป็นแกนนำสำคัญในการเชื่อมต่อภารกิจของ สค. ให้บรรลุตามเป้าหมายได้ จึงมุ่งสร้างแกนนำเครือข่ายเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าประเวณีขึ้น โดยเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจให้ผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานทุกภาคส่วน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าประเวณี ตลอดจนร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนงานไปในทิศทางเดียวกันและเกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง สามารถสัมฤทธิ์ผลตามนโยบายรัฐบาลและแผนชาติที่กำหนดไว้ด้วย” นายเลิศปัญญากล่าวในตอนท้าย