“สแกนเนีย” จัดกิจกรรม Scania Top Team Thailand 2018 เน้นการให้บริการหลังการขาย

สแกนเนีย เผยผลความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในปี 2017 ยอดขายรถบรรทุกและแชสซีส์รถบัสโดยสารเพิ่มสูงขึ้นกว่า 30 % ด้วยยอดขายจำนวน 609 คัน เผยทิศทางในการทำธุรกิจในปี 2018 เน้นสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า จัดกิจกรรม Scania Top Team Thailand 2018 พัฒนาทักษะของบุคลากรฝ่ายงานบริการ เพิ่มพูนความรู้ความชำนาญ ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม รวมถึงใช้ระบบบริหารจัดการฟลีตรถ (Fleet Management System) และ แผนการบำรุงรักษาเพื่อการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ (Scania Maintenance with Flexible Plans) ที่ช่วยให้ยานพาหนะของลูกค้ามีความพร้อมสูงสุด เพื่อขับเคลื่อนผลกำไรลูกค้าในธุรกิจขนส่งอย่างยั่งยืน


นายสเตฟาน ดอร์สกี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยว่า “ตลาดรถบรรทุกและรถบัสโดยสารในปี 2017 โดยภาพรวมของตลาดมียอดการจดทะเบียนที่ลดลง แต่ในทางกลับกันการเติบโตของสแกนเนียในประเทศไทยมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ โดยแบ่งเป็นในประเภทรถบรรทุกเพิ่มสูงขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรถโดยสารสแกนเนีย มียอดเพิ่มสูงขึ้น 27 เปอร์เซ็นต์ โดยยอดขายรถบรรทุกอยู่ที่ 472 คัน และรถบัสจำนวน 137 คัน รวม 609 คัน 

นอกจากนี้การให้บริการหลังการขายของสแกนเนียก็มียอดเติบโตเพิ่มสูงขึ้นถึง 25 % ด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกถึงความพึงพอใจของลูกค้าในการให้บริการของสแกนเนีย ทั้งนี้ก็มาจากปัจจัย 3 ข้อ ที่ทำให้สแกนเนียเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ก็คือ 1. ทีมงาน ที่เราทุกคนล้วนมุ่งเป้าไปที่การบริการลูกค้า ด้วยการเสริมสร้างทีมด้วยองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อให้สามารถดูแลลูกค้าในเรื่องการดูแลและซ่อมบำรุง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้ลูกค้า และการลดการ break down 

2. คุณภาพของสินค้า ซึ่งเครื่องยนต์ของสแกนเนียนั้น มีจุดเด่นในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ทนทาน รวมถึงความง่ายต่อการใช้งานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 3. Repair & Maintenance Contract ที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละคนได้เป็นอย่างดี และในปลายปีนี้ สแกนเนียได้เตรียมพร้อมเปิดโรงงานประกอบรถบรรทุกและรถบัสโดยสารอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เพื่อรองรับจำนวนการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”



“โดยในปีนี้ได้ขยายสาขารองรับจำนวนรถสแกนเนียในตลาดที่เพิ่มขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยสแกนเนียคาดว่าในปี 2018 จะเพิ่มยอดขายสำหรับรถบรรทุกได้ที่ 650 คัน และรถบัสโดยสาร จำนวน 140 คัน โดยยังคงเน้นนโยบายในเรื่องของการให้บริการหลังการขายเป็นสำคัญ เพราะทุกอย่างนั้นเริ่มต้นมาจากลูกค้า สแกนเนียจึงพยายามที่จะทำให้รถที่ลูกค้าแต่ละรายซื้อได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงพัฒนาความรู้ให้กับทีมงานเพื่อที่จะได้สามารถดูแลลูกค้าหลังการขายได้ดี และรวดเร็ว สะดวกสบายมากขึ้น

   

โดยในปีนี้ได้จัดกิจกรรม Scania Top Team Thailand ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะของบุคลากรฝ่ายงานบริการ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความชำนาญและส่งเสริมการทำงานเป็นทีม โดยผนวกเข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่างการบริการระบบบริหารจัดการฟลีตรถ (Fleet Management System) เทคโนโลยีที่ช่วยให้วางแผนบริหารจัดการฟลีตรถเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการบำรุงรักษาเพื่อให้การใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ (Scania Maintenance with Flexible Plans) ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ยานพาหนะของลูกค้า มีความพร้อมสูงสุด เน้นเพิ่มความพึงพอใจลูกค้าเพื่อขับเคลื่อนผลกำไรให้กับลูกค้าในธุรกิจขนส่งอย่างยั่งยืน”


   

ด้านนายภูริวัทน์ รักอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภูมิภาค บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวว่า “การแข่งขัน Scania Top Team เป็นกิจกรรมแข่งขันวัดประสิทธิภาพทีมบริการหลังการขาย ในการตรวจวิเคราะห์และแก้ปัญหาเกี่ยวกับรถสแกนเนีย ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 10 ในระดับนานาชาติ โดยจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการพัฒนาทักษะของบุคลากรฝ่ายบริการของสแกนเนียและเพิ่มความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการใช้เครื่องมือที่ถูกต้องในการทำงานและวัดประสิทธิภาพของทีมช่าง 

รวมถึงฝึกทักษะความรู้และเทคโนโลยี ความเป็นมืออาชีพ ตลอดจนส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นทีมที่เป็นองค์ประกอบที่จำเป็น มุ่งเน้นไปที่การดูแลลูกค้า ซึ่งเป็นนโยบายเป้าหมายสูงสุดในการฝึกอบรมของสแกนเนียทั่วโลกโดยเป้าหมายสูงสุดสำหรับการฝึกอบรมทีมงานสแกนเนียทั่วโลก คือ การให้บริการที่ดีมีคุณภาพ รวดเร็วที่จะช่วยให้ยานพาหนะของลูกค้ามีความพร้อมในการวิ่งงานสูงสุด ในเวลาเดียวกัน Scania Top Team ยังเป็นเวทีกิจกรรมที่สำคัญในการส่งเสริมด้านทักษะความปลอดภัยในการทำงาน รวมถึงลดปัญหาสิ่งแวดล้อม” 




นายภูริวัทน์กล่าวต่อว่า “กิจกรรมการแข่งขัน Scania Top Team มีผู้เข้าร่วมแข่งขันกว่า 8,000 คนจากกว่า 70 ประเทศ โดยแต่ละประเทศที่จัดการแข่งขันจะมีการทดสอบในเชิงทฤษฎีและการปฏิบัติที่เกี่ยวกับงานด้านบริการ สำหรับประเทศไทยเรามีทีมสมัครเข้าร่วมแข่งขันจากทุกสาขาทั่วประเทศถึง 14 ทีม ซึ่งมี 5 ทีมที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ โดยจะแข่งขันในวันที่ 20 มกราคม 2561 นี้ เพื่อค้นหาสุดยอดทีม ที่จะเป็นตัวแทนไปแข่งระดับประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในเดือนกันยายน 2561  และแข่งรอบชิงชนะเลิศรอบสุดท้ายในเดือนธันวาคม ที่ประเทศสวีเดนต่อไป โดยคาดหวังว่าตัวแทน Scania Top Team จากประเทศไทย จะสามารถนำทีมไปคว้ารางวัลใหญ่ที่ประเทศสวีเดนกลับมาได้ เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนางานขององค์กรต่อไป” 


ด้านนายสถิตย์ ริยะตานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้สแกนเนีย พร้อมให้บริการลูกค้าด้วย ระบบบริหารจัดการฟลีตรถ หรือ Fleet Management System (FMS) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการฟลีตรถลูกค้า ซึ่งลูกค้าสามารถทราบได้ว่ารถแต่ละคันของลูกค้า ณ ขณะนั้นวิ่งงานอยู่ที่ใด อัตราการใช้เชื้อเพลิงเป็นอย่างไร พฤติกรรมการขับขี่เป็นอย่างไร สามารถนำผลมาวิเคราะห์และปรับปรุงเพื่อพัฒนาในการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน บริษัทฯ สามารถใช้เทคโนโลยีในระบบนี้เข้าไปดู เพื่อเตรียมเครื่องมือและอะไหล่ สามารถนำไปแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้รถลูกค้ามีความพร้อมสามารถกลับไปวิ่งงานได้อย่างรวดเร็วที่สุด 

นอกจากนี้ยังมีแผนการซ่อมบำรุงรักษาเพื่อการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพหรือ Scania Maintenance with Flexible Plans (Flex) เป็นแผนการให้บริการที่จะช่วยให้รถของลูกค้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น เป็นแผนงานบริการที่ออกแบบอย่างเฉพาะเจาะจง ให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานของรถในแต่ละคัน ด้วยการนำข้อมูลจากรถบรรทุกและข้อมูลการรับบริการที่แม่นยำ ตลอดจนเก็บข้อมูลตัวแปรต่าง ๆ เช่น ลักษณะเส้นทาง ความถี่ในการติดเครื่องยนต์และดับเครื่องยนต์ แม้กระทั่งสภาพแวดล้อม และอื่น ๆ ที่มีผลต่อแผนการบำรุงรักษาที่จำเป็นกับรถในแต่ละคันมาวางแผนการบำรุงรักษาและปรับให้เข้ากับรถในแต่ละคันให้เหมาะกับลักษณะธุรกิจของลูกค้า 

ซึ่งเป็นไปได้ว่าลดช่วงเวลาการบำรุงรักษาในแต่ละครั้งให้สั้นลง เปลี่ยนชิ้นส่วนเฉพาะที่จำเป็น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจ ลักษณะการใช้งาน สภาพแวดล้อม และอื่น ๆ ระบบจะเก็บข้อมูลและคำนวณเป็นแบบ Real Time ซึ่งทำให้มีความแม่นยำของข้อมูลที่สูงมาก โดยระบบดังกล่าวได้มีการติดตั้งให้กับรถรุ่นใหม่ทุกคันโดยไม่ต้องซื้อบริการเพิ่มเติม ส่วนรถสแกนเนียรุ่นเดิมที่ยังไม่ได้มีการติดตั้งระบบนี้ สามารถเข้ามานำรถเข้ามาติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมได้เช่นกัน และเมื่อรถของลูกค้าใกล้จะถึงรอบในการซ่อมบำรุง สแกนเนียจะประสานงานนัดหมายหรือแจ้งล่วงหน้าก่อนที่จะถึงกำหนดการรับบริการครั้งถัดไป”


นายสถิตย์ กล่าวต่อว่า “สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาซ่อมและบำรุงรักษา หรือ Repair and Maintenance Contract (R&M) กับสแกนเนีย สามารถรับบริการแผนการบำรุงรักษา เพื่อการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ (Flex) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเอาเวลาที่จะต้องดูแลรถ ไปบริหารธุรกิจได้อย่างเต็มที่ และปล่อยหน้าที่ดูแลรถให้กับเราทำหน้าที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและผลกำไรของลูกค้าให้อย่างยั่งยืนต่อไป”