น้ำพุ ถนน และข้าวใหม่…SlowLife สไตล์ “สมชาย เจริญอำนวยสุข”

            วันนี้ตั้งชื่อเรื่องว่า "น้ำพุ" ไม่รู้จะเกี่ยวกับน้ำพุสักแค่ไหน แต่สไตล์ผมนั้นอยากตั้งยังไงก็ตั้งอยากเขียนอะไรก็เขียน ซึ่งออกจะขัดกับหลักการเขียนที่ดี เพราะการเขียนที่ดีนั้นหัวเรื่องต้องสัมพันธ์กับเนื้อเรื่อง ก็จะพยายามให้สัมพันธ์กันนะครับ ผู้อ่านก็ขอให้พยายามอ่านให้สัมพันธ์กันก็แล้วกัน ส่วนผมก็เขียนไปเรื่อยๆสไตล์สโลว์ไลฟ์ ก็ดีนะคนเขียนก็เขียนไปคนอ่านก็อ่านไปต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนไป ถ้าเบื่อก็หยุดไป ไม่มีใครเคืองใคร มันตรงไปตรงมาดี

           วันนี้เป็นอึกวันที่เหมือนกับหลายวันในหนึ่งสัปดาห์ที่ผมไปเดินออกกำลังกายที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ที่สวนจตุจักร เดินไปสักครึ่งรอบสวนก็ต้องตกใจเป็นอันมากเพราะจู่ๆน้ำพุที่กลางสระก็เปิดน้ำพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศ ที่ผมตกใจเพราะมาเดินที่นี่ตั้งแต่เกษียณอายุวันแรกจนถึงวันนี้สามเดือนกว่า ๆ เพิ่งเห็นน้ำพุเปิดเป็นวันแรก ที่จริงเขาอาจเปิดหลายวันคือเปิดวันที่ผมไม่มาก็เป็นได้ แต่ผมเพิ่งเห็นเป็นวันแรกก็เลยตื่นเต้น ก็คงเหมือนกับเจ้าหน้าที่ของสวนสาธารณะแห่งนี้สองสามคนที่ขี่จักรยานดูแลความเรียบร้อย ถึงกับหยุดขี่จักรยานแล้วลงไปควักกล้องซึ่งก็คือโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายกันใหญ่
          ผมเห็นน้องเขาเอามือถือออกมาถ่ายก็เลยหยิบออกมาถ่ายมั่งได้สักสามสี่รูป สวยครับ ดูมวลน้ำที่พุ่งขึ้นบนอากาศสัมผัสกระแสลมดูพริ้วไหวสวยงามจริงๆ แต่มีข้อติบางประการเพราะน้ำที่พุ่งขึ้นไปบางสายมีสีน้ำตาลบ่งบอกว่าท่อคงเป็นสนิมหรือโคลนจับ เพราะคงไม่ได้เปิดมานาน คราวนี้ผมเดาว่าคงเปิดเพราะมีวีไอพี จะมาเยี่ยมชมสวน หรืออาจเป็นการเปิดเพื่อตรวจสอบดูว่าเสียหรือยังต้องซ่อมอะไรมั้ย ทำนองนั้น
          ผมมานั่งคิดๆ ดูผมว่าประเทศเรานี่มันแปลกดีนะครับลงทุนทำอะไรแล้วก็ไม่ค่อยได้ใช้ แต่ต้องเสียค่าบำรุงรักษาตลอด ก็ไม่รู้คุ้มค่าแค่ไหน ตัวอย่างที่เห็นกันดาษดื่นคือการสร้างถนน ผมเห็นสร้างจุดกลับรถที่เป็นมาตรฐานอย่างดีไว้ แต่เอาปูนไปกั้นไม่ให้คนกลับ ต้องขับไปอีกสักกิโลจึงให้กลับ อ้างว่าป้องกันรถติด แต่มันก็ไปติดจุดที่กำหนดให้เป็นที่กลับอีกแหละ 
          อีกตัวอย่างที่ผมเห็นครั้งใดก็รู้สึกโกรธๆๆๆคือขึ้นรถข้ามสะพานข้ามแยกมาหรือขึ้นทางด่วนมาพอถึงทางลงก็มีเจ้าหน้าที่มากั้นไม่ให้ลงแล้วก็โบกให้พวกที่วิ่งอีกช่องทางหนี่งเข้ามาวิ่งตรงทางที่เราจะลง ผมก็ไม่เข้าใจว่าสร้างสะพานลอยกับทางด่วนไว้หาอะไร ถ้าต้องให้เจ้าหน้าที่มาคอยโบกอยู่อีก เหมือนกับพวกผมมันไม่ค่อยมีสมองนะต้องคอยดูมือพวกเจ้าหน้าที่ที่มีหมวกกดทับบนหัวตลอด
          ประเทศเรานี่ก็แปลกนะครับประเทศอื่นเขามีอะไรเราก็เหมือนจะมีเหมือนกะเค้าไปซะทุกอย่างแต่มีแล้วใช้ได้ หรือได้ใช้หรือเปล่ามันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันเรื่องของการทำให้ดูเหมือนเจริญนะครับแต่จะเป็นจริงหรือเปล่าไม่สามารถรู้ได้ เหมือนกับกฎหมายของบ้านเรา ผมว่าความทันสมัยของกฎหมายนั้นเราโอเคเลยครับ แต่การบังคับใช้เนี่ยเป็นปัญหาจริง ๆ เราชอบเอาข้อยกเว้นมาเป็นหลักปฎิบัติ ส่วนหลักปฎิบัติก็ไว้อย่างนั้นใครปฎิบัติได้ก็ดี ใครไม่ปฏิบัติก็ไม่มีใครมาสนใจอะไร เพราะถือว่าตัวใครตัวมัน ไม่ยุ่งกันเช่นทุกท่านคงเห็นคนขับรถย้อนศรกันทุกวัน บางที่ย้อนศรบนสะพานลอยหน้าตาเฉย ใครอย่าเผลอไปบีบแตรเตือนหรือไล่นะครับอาจเจ็บตัวได้ นีแหละครับประเทศไทยโอนลี่
          พูดถึงเรื่องการบังคับใช้กฎหมายของไทยแล้วมันเพลียจริง ๆ กลับมาเรื่องน้ำพุดีกว่า ผมเห็นการลงทุนในสวนสาธารณะแล้วรู้สึกชื่นชมผู้บริหารกทม. ยุคก่อน ๆ นะครับ (เน้น ยุคก่อน ๆ) ที่กล้าลงทุนสร้างสิ่งดีๆไว้ให้พวกเราชาว กทม. แม้บางเรื่องลงทุนแล้วดูไม่ค่อยคุ้มเพราะไม่ค่อยได้ใช้งาน เช่าน้ำพุในสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สามสี่เดือนเปิดที น้ำก็สีเป็นสนิม คนเดินในสวนตกใจนึกว่ามีอะไรโผล่จากน้ำขนาดยามยังวิ่งไปถ่ายรูป 
          ก็อยากฝากท่านผู้บริหารว่าอะไรก็ตามทำแล้วต้องใช้ เพราะคนออกแบบเขาออกแบบมาเพื่อให้ทุกอย่างกลมกลืน ให้ทุกอย่างมันใช้งานไปด้วยกัน อย่าห่วงเรื่องค่าไฟเลยนะครับ มันไม่แพงนักหรอกเมื่อเทียบกับคุณค่าที่ประชาชนได้รับ อย่าให้เหมือนผู้บริหารบางกระทรวงที่หวงแม้กระทั่งค่าไฟไม่กี่สตางค์ที่ลูกน้องชาร์จมือถือไว้บริการประชาชน ผมว่าคนเขาคิดได้ครับว่าอะไรคือประโยชน์อะไรคือโทษ
          วิ่งเสร็จก็กลับบ้านมาทานข้าวเช้า วันนี้ต้มข้าวต้มครับ บังเอิญได้ข้าวใหม่มาจากประโคนชัย บุรีรัมย์ ก็เอามาต้มกิน ข้าวใหม่นี่เค้าจะหอมและเหมือนมียางต้มข้าวต้มอร่อย วันนี้กับข้าวดูทั้งตู้เย็นมีไข่สี่ฟอง เป็นไข่จืดสอง ไข่เค็มอีกสองฟอง ก็เลยเจียวไข่จืดใส่ผักชี บังเอิญมีผักชีสองต้นก็หั่นซะละเอียด ตอกไข่ใส่ลงไป และเพราะเป็นไข่เป็ดที่มีความข้นของไข่แดงสูงก็เลยใส่น้ำลงไปสักครึ่งช้อนโต๊ะ ใส่แมกกี้ พริกไทย ตามชอบแล้วก็ลงกระทะทอดไฟแรงๆ สี่สิบวินาทีกลับทีนึงพอไข่เหลืองเข้ม ก็เอาตะหลิวตักใส่จานเตรียมกิน
          ส่วนไข่เค็มก็ยำง่าย ๆ ซอยหอม ซอยพริกขี้หนู ผ่ามะนาวสักหนึ่งซีกปลอกเปลือกไข่ แล้วหั่นหนึ่งลูกหั่นหกชิ้น เอาไข่วางโรยด้วยหอมแดง พริก บีบมะนาว ใครอยากกินหวานก็เอาน้ำตาลทราย โรยนิด คลุกให้เข้ากันกินกับข้าวต้มร้อน ๆ พร้อมไข่เจียว อร่อยอย่าบอกใคร
         เขียนอะไรก็ตามลงท้ายด้วยกินทุกที กองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ สวัสดี

สมชาย เจริญอำนวยสุข