ถูก ชิลล์ ดี ทริปนี้ที่ เมืองตราด

ตามรอย Btripnews ไปเที่ยวทริปนี้จะพาไปเยือนจังหวัดตราด ที่ที่ส่วนใหญ่จะนึกถึงกันที่เกาะกูด เกาะช้าง แต่ยังมีสถานที่น่าท่องเที่ยวอีกหลายต่อหลายแห่งที่น่าสนใจ  ทริปนี้สามวันสองคืน เรียกว่าเดินทางกันแบบง่ายๆ สบายกระเป๋า ทีเดียว 


เริ่มกันเลยค่ะ เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา”  หลายคนคงคุ้นชินกับคำขวัญของจังหวัด ตราด ที่ได้รับการขนานนามว่า สุดเขตแดนบูรพา หรือด้านตะวันออกสุดของประเทศ ห่างจากกรุงเทพฯ ราว 315 กม. เป็นเมืองที่มีภูมิประเทศพิเศษ เต็มไปด้วยเกาะมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศมากถึง 62 เกาะ



... ล้อหมุนในเช้าตรู่ของวันเดินทาง แม้จะใช้เวลานานหลายชั่วโมง แต่ก็แนะนำว่า หากขับรถไปเอง ให้แวะบ้าง... หลับบ้าง ...ตื่นบ้าง ...เม้าท์บ้าง จากเมืองหลวงกรุงเทพมหานครไม่นานก็ถึงกลางเมืองจังหวัดตราด

สมัยนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะได้พบกับร้านกาแฟเก๋ๆ ให้ได้เข้าไปเซลฟี่กันไม่ขาด ครั้งนี้ก็เช่นกัน ร้านกาแฟ  MAXX  เอาไว้พักนั่งจิบกาแฟ พักผ่อนคลายร้อนได้

  

  

ถัดไปเป็นร้านอาหาร ก๊วยเตี๋ยวริมเขื่อน เรียกว่า ถ้าสั่งก๊วยเตี๋ยวต้มยำทะเล จะมีทั้งกุ้ง ปู ปลา และกั้ง

  

และแล้วเราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย เขาล้าน

หลวงพ่อแดง

บริเวณด้านหน้าศูนย์ราชการุณย์ ฯ ก่อนจะเข้าสู่ภายในเป็นสถานที่ประดิษฐานของหลวงพ่อแดง เป็นพระพุทธรูปแบบสุโขทัย ปางมารวิชัย องค์พระพุทธรูปเดิมเป็นทองเหลืองเคลือบสีแดง จัดสร้างโดยพระวิสุทธิญารณเถระ (หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย) วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี ตามพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงให้มีพระพุทธรูปไว้สักการะบูชาและเพื่อยึดเหนี่ยวและเป็นที่พึ่งทางจิตใจแก่ผู้อพยพชาวกัมพูชาที่หนีภัยสงครามเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร เมื่อปี พ.ศ. 2522 และเป็นที่สักการะบูชาของชาวจังหวัดตราดและจังหวัดใกล้เคียง



คุณสุวรรณ พิมลแสงสุริยา ผู้จัดการศูนย์ฯ เล่าว่า ชาวบ้านเรียกว่าพระพุทธรูปหลวงพ่อแดง เกิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จฯ พระนางเจ้า พระองค์ท่านพระราชทานให้ไว้ที่หน้าค่ายผู้อพยพ ระหว่างที่มีผู้อพยพอยู่ที่นี่ เนื่องจากทรงเสด็จมาเยี่ยมผู้อพยพที่มีจำนวนนับแสน ครั้งแรกพระองค์ไม่ได้ประทับแรม แต่ครั้งที่ 2 ทรงประทับแรม ระหว่างประทับแรมก็ทรงนำทำวัตรค่ำ และรับสั่งว่าถ้ามีพระพุทธรูปพระองค์หนึ่ง จะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจของผู้อพยพและคนไทยชายแดน  หลวงปู่สมชายจึงจัดสร้างขึ้น


สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกคือฝั่งกัมพูชา เพื่อให้องค์พระบารมีของหลวงพ่อแดงแผ่ไพศาลไปเพื่อให้เลิกการรบราฆ่าฟันกัน

ในระหว่างที่มีผู้อพยพอยู่ ตากแดดอยู่ 7 ปี เศษ ๆ หลังจากเลิกศูนย์อพยพ ทางเจ้าหน้าที่ทหารและบ้านเมือง  ได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนศาลาซึ่งทำด้วยสังกะสี ต่อมาก็มีการพัฒนาสร้างศาลานี้ขึ้นมา

หลวงพ่อแดงเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั้งจังหวัดตราดและจังหวัดใกล้เคียง ผู้ที่ผ่านด้านหน้าถนนหลวงจะบีบแตรถวายขอพรจากพระองค์ท่าน เข้าใจว่าน่าจะได้รับพรสมปรารถนา”

 ศาลาราชการุณย์

จากประตูทางเข้ามาไม่ไกล จะพบ พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานแก่ผู้อพยพชาวกัมพูชา นามว่า ศาลาราชการุณย์ เป็นอาคารที่ใช้จัดแสดงความเป็นมาตลอดจนแสดงสิ่งของภาพถ่าย รวมทั้งหุ่นจำลองขนาดเท่าของจริงที่เกี่ยวกับชาวกัมพูชาอพยพและค่ายผู้อพยพ



คุณสุวรรณ พิมลแสงสุริยา ผู้จัดการศูนย์ฯ เล่าว่า ศูนย์ราชการุณย์ อำเภอคลองใหญ่ นามเดิมว่า “ศูนย์สภากาชาดไทย เขาล้านจังหวัดตราด “ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 โดยพระราชเสาวนีย์ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทยที่รงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพชาวกัมพูชา จำนวนนับแสนคนที่หนีภัยสงครามภายในประเทศเข้ามาพึ่งพระบรมโพธสมภารในเขตราชอาณาจักรไทยบริเวณบ้านเขาล้าน ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด

  

  

  

ในระยะแรกมีการก่อสร้างเพิงชั่วคราว เพื่อใช้เป็นที่ทำการ ที่พัก หน่วยพยาบาล ต่อมาจึงทำการก่อสร้างอาคารถาวร ประกอบด้วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โรงฝึกอบรม โรงเรียนและบ้านพัก

ศูนย์สภากาชาดไทยแห่งนี้ ให้ความอนุเคราะห์แก่ผู้ลี้ภัยชั่วเวลาหนึ่ง ได้ปิดลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2529 บริเวณดังกล่าวจึงถูกปล่อยทิ้งว่างไม่ได้ใช้ประโยชน์

  

  

ผู้จัดการศูนย์ฯ เล่าต่อว่า “ในปี พ.ศ. 2535 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงมีพระราชดำริให้สภากาชาดไทย จัดทำโครงการพัฒนาศูนย์สภากาชาดไทยแห่งนี้เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและเฉลิมฉลองในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถสภานายิกาสภากาชาดไทยทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ ได้พระราชทานพระราชดำริไว้ 3 ประการ คือ จัดสร้างพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย ในวโรกาส ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2535 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งพระมหากรุณาธิคุณ ศูนย์ฝึกอบรม และจัดให้เป็นสถานที่พักผ่อน สวนสมุนไพร สวนไม้มงคล”

  

 นอกจากนี้ยังมี ศูนย์ฝึกอบรม ใช้อาคารสถานที่บริเวณศูนย์ฯ ให้เกิดประโยชน์ จัดทำเป็น ศูนย์ฝึกอบรม ใช้อบรมและเข้าค่ายพักแรมของเยาวชน

สถานที่พักผ่อน ได้มีการใช้ประโยชน์จากสภาพภูมิประเทศพื้นที่ชายหาด พักผ่อนหย่อนใจ ดัดแปลงอาคารเดิมเป็นห้องพักติดตั้งเครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ พร้อมดัดแปลงเป็นอาคารพักรวมและอาคารจัดกิจกรรม 

บ้านพัก มีหลายแบบให้เลือก ราคาตั้งแต่ 800 – 6000 บาท ท่องเที่ยวธรรมชาติสงบ สนุกและอบอุ่นใจเรื่องความปลอดภัยภายในศูนย์ฯ ด้วยมีชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 ฯ คอยดูแลความปลอดภัยให้

  

  

สวนไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด 77 จังหวัด

ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา ในปี พ.ศ. 2542 สภากาชาดไทย จัดทำโครงการพฤกษชาติบูชาฯ พระบรมราชูปถัมภก 6 รอบ ปลูกต้นไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด 76 จังหวัด รวม 972 ต้น ล้อมรอบรูปแผนที่ประเทศไทยในพื้นที่ประมาณ 16 ไร่เศษ

  

   

สวนสมุนไพรสมเด็จองค์อุปนายิกา ผอ.สภากาชาดไทย

สวนสมุนไพรสมเด็จองค์อุปนายิกา ผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ปลูกไม้และพืชสมุนไพร จัดเป็น 20 กลุ่มโรคในพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ เพื่อประโยชน์ทางวิชาการสำหรับเยาวชนและผู้สนใจทั่วไป

ผู้จัดการ ศูนย์ ฯ เล่าไปเดินพลางแนะนำสวนสมุนไพรไปพลาง "เราปลูกเพื่อให้รับรู้ว่า ที่บอกว่ายาแก้ปวดท้องหรือบำรุงหัวใจประกอบด้วยอะไรบ้าง ก็จะมีเช่น ว่านชักมดลูก ต้นข่า ต้นยอ มะม่วงหาว มะนาวโห่ ต้นโด่ไม่รู้ล้ม เวลาออกลูกจะเล็กๆ สีแดงมีรสเปรี้ยวนิดหน่อย บริเวณนี้เป็นที่ปลูกสมุนไพร 20 กลุ่มโรค ซึ่งประชาชนสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้" 

  

  



สนใจท่องเที่ยว ภายในศูนย์ราชการุณย์ เขาล้านติดต่อสำรองที่พักได้ ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ 039-510821,086-413-2482,087-600-0686 Fax 039-510-822 ตลอด 24 ชั่วโมง  

สำหรับผู้ชื่นชอบการพักผ่อนสไตล์แคมปิ้ง ก็มีเต็นท์หลายขนาด ราคา 80 – 220 บาทให้เลือกใช้ หรือหากนำเต็นท์มาเอง มีค่าใช้จ่ายเพียงคนละ 25 บาท และบางช่วงจะมีส่วนลดพิเศษให้  สามารถติดตามได้ทาง  Website -http: //khaolan.redcross.or.th และ E-mail-khaolan@redcross.or.th

  

หาดทรายดำ 

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนจังหวัดตราด และสุดจะอะเมซิ่ง คือ หาดทรายดำ โดยห่างจากศูนย์ราชการุณย์ราว 50-60 กิโลเมตร

 

ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของประเทศไทยและต่างประเทศ โดยในปัจจุบันพบเพียง 5 ที่ในโลกเท่านั้น ได้แก่ ไต้หวัน มาเลเซีย ฮาวาย ทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย และอีกแห่งหนึ่งอยู่ในประเทศไทย ที่ จ.ตราด นี่เอง

โดยหาดทรายมีเม็ดทรายดำ แตกต่างจากที่อื่นที่มักมีสีน้ำตาลหรือสีขาว หาดทรายดำตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของป่ามะขาม บ้านกลาง อ.แหลมงอบ จ.ตราด อยู่ในเขตของป่าสงวนแห่งชาติ มีความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายทางชีวภาพสูง รายล้อมไปด้วยป่าชายเลน และเหล่าสัตว์น้อยใหญ่มากมาย อาทิ นก ปูแสม หอยต่าง ๆ มีลักษณะเป็นสันทรายทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตร

มีเรื่องเล่าว่า มีชาวบ้านจากชุมชนบ้านยายม่อม เห็นหาดทรายที่มีสีแปลก  จึงลองหมกตัวในทราย จนมีคนป่วยจากอัมพาตลองมาหมกตัว  อาการดีขึ้นจนสามารถหายได้ ทำให้เกิดความเชื่อว่าทรายดำสามารถรักษาโรคได้


ทั้งนี้สาเหตุที่ทรายดำเป็นผลจากมีส่วนผสมของแร่ธาตุหลายอย่าง รวม “ไลโมไนต์” (Limonite)  ที่เกิดจากการยุบตัวของเศษเหมืองและเปลือกหอยผสมด้วยควอตซ์ หรือเป็นแร่ที่เกิดจากการผุกร่อนของเหล็ก ในทางการแพทย์ไลโมไนต์ไม่มีผลทางการรักษาโรค แต่เชื่อกันว่า ทรายดำของที่นี่มีแร่ธาตุอื่นอยู่อีก  และสามารถทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น  ถ้านำเท้าไปหมกทรายประมาณ 10 – 20 นาที ปัจจุบันมีการจัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน เป็นเส้นทางเดินคอนกรีต จากเดิมที่เป็นไม้ ไปสู่หาดทรายดำให้เดินกันได้อย่างสบาย ๆ

เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน หาดทรายดำ

ระหว่างทางมีสถานที่ที่น่าสนใจให้ได้ชมกันหลายจุด เช่น จุดชมหอยขี้ค้อน ที่มีรูปทรงแหลมเป็นกรวยคล้ายเจดีย์ จุดชมปลาตีนตัวใหญ่ จุดชมปูแสมที่มีทั้งพันธุ์สีดำ กับพันธุ์สีสวยที่มีก้ามแดง ที่ช่วงหัวสีเขียวอ่อนอมฟ้า  กระดองและขาสีน้ำเงินยามถูกน้ำสะท้อนแสงเป็นประกาย จุดดูนกป่าชายเลนและนกประจำถิ่น เช่น เหยี่ยว นกพญาปากกว้างท้องแบน นกยางกรอก จุดชมปูก้ามดาบ หรือจุดชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน เป็นการเดินชมธรรมชาติป่าชายเลน ก่อนจะเข้าไปการสัมผัสผืนหาดทรายดำเม็ดละเอียด และเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์แบบใกล้ชิด เหมาะสำหรับการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์มาก

  

  



คุณธนิต แสงวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่1 สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่1 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เล่าว่า เราทำหน้าที่กำกับดูแลสถานที่แห่งนี้ สถานที่ท่องเที่ยวหาดทรายดำ หนึ่งเดียวในสยามจากห้าแห่งทั่วโลก มาเที่ยวและสัมผัสกับประสบการณ์ในการทำสปาเท้า หรือสปาเย็น จากธรรมชาติ เป็นเส้นทางสุขภาพที่หาชมที่ไหนไม่ได้ ถือเป็นอัญมณีหนึ่งเดียวของจังหวัดตราด หากมาถูกเวลาจะสามารถเห็นหาดทรายดำที่มีความยาวนับกิโลทีเดียว


ช่วงเวลาที่สามารถเห็นหาดทรายยาวสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ คือช่วงน้ำลงต่ำสุด ซึ่งผอ.ศูนย์ บอกว่า สามารถสอบถามระบบข้างขึ้นข้างแรมตารางน้ำของกรมอุทกศาสตร์ได้ที่  039 510841 สอบถามได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ

  



ผอ.ศูนย์ ฯ กล่าวต่อว่า ทุกสิ่งที่นี่ เกิดจากแรงผลักดันของชุมชนที่ได้ร่วมกันอนุรักษ์กันไว้  ทำให้คนรุ่นหลังที่มาเที่ยวได้เห็นสัตว์นานาชนิด ที่อื่นอาจจะไม่เห็นปูก้ามดาบ ซึ่งมีอยู่ร้อยกว่าตัว และ ปลาตีนช่วงน้ำลง แหล่งหอยจุ๊บแจง แหล่งหอยแครง เราไม่ให้เรือประมงเข้ามาล่าสุดเจอหอยตลับ หอยขาวเนื้ออร่อย แต่ตรงนี้สงวนเอาไว้ ไม่ได้ห้ามชาวบ้านประกอบอาชีพ แต่จะให้ความรู้ว่าและให้รู้จักการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกต้อง โดยหน่วยงานร่วมกับชุมชนบ้านยายม่อม บ้านกลาง เตรียมจัดทำธนาคารปูม้า

อนาคตเตรียมจัดทำกระบะทราย ซึ่งทำจากวัสดุธรรมชาติและปูนเปลือย เพื่อให้บริการแก่ผู้เข้ามาทำสปา แต่ไม่ได้ทำบริเวณริมหาดซึ่งบริเวณริมหาดนี้จะให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด จะไม่มีการก่อสร้างอะไร

...อยากให้ทุกท่านที่มาจะได้เห็นหาดทรายสวยๆ ได้เจอบรรยากาศดีดี เส้นทางธรรมชาติที่มีสัตว์นานาชนิด โดยไม่มีการเก็บค่าบริการ เปิดตั้งแต่เวลา 7.00- 18.00 น.ทุกวัน ”

 

ตลาดชายแดนบ้านหาดเล็ก  

นอกจากนี้ยังมี ตลาดชายแดนบ้านหาดเล็ก  ตั้งอยู่บ้านหาดเล็ก ที่เป็นหมู่บ้านสุดชายแดนติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา อยู่ปลายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 เมื่อสงครามสู้รบในกัมพูชาสิ้นสุดลงราวปี 2529  เป็นแหล่งรับซื้อพืชพันธุ์ธัญญาหารของชาวกัมพูชาเพื่อไปขายต่อที่เกาะกง

 

 

 

ตลาดมีสินค้าราคาถูกที่มาจากประเทศกัมพูชา เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า แว่นตา น้ำหอม และอื่น ๆ เดินไปสุดถนนของตลาด เป็น “ด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองใหญ่”   สำหรับข้ามไปฝั่งกัมพูชา จับจ่ายใช้สอยกันได้สบายๆ



 

.... สำหรับวันหยุดยาวที่จะมาถึง หากท่านใดอยากจะเดินทางพักผ่อน ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ๆ แบบสบายกระเป๋าได้ดีทีเดียว ที่นี่ ....จังหวัดตราด