องคมนตรีแนะทุกฝ่ายศึกษาโครงการพระราชดำริฯ ให้ถี่ถ้วน ยึดประโยชน์ชาวบ้านเป็นหลัก

        พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคกลาง กล่าวภายหลังนำคณะติดตามงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ใน จ.กาญจนบุรี ได้แก่ โครงการห้วยองคตฯ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อยฯ อำเภอหนองปรือ เขื่อนแม่กลอง อำเภอท่าม่วง และโครงการวัดทิพย์สุคนธารามอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา เมื่อไม่นานนี้ ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยประชาชน และทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระราชบิดา โดยจากการเยี่ยมโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อยฯ ที่ใช้เวลาสร้างราว 7 ปี จึงสำเร็จ ที่นั่นเป็นต้นของลำน้ำที่ลงถึงแม่น้ำแม่กลอง มีลำน้ำที่ยาวระหว่างทางก็มีการสร้างฝายกั้นน้ำเพื่อส่งน้ำให้กับพื้นที่ครอบคลุมถึง 6 จังหวัด ก่อนไหลลงอ่าวไทย มีประชาชนได้รับประโยชน์ล้านกว่าคน นับว่าโครงการเกือบเสร็จหมดแล้ว เหลือแต่การปรับปรุงและทำฝายกั้นน้ำอีก 2-3 แห่ง ซึ่งอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบความพร้อม-ออกแบบ บางที่จะเริ่มสร้างในปี2562 และถ้าทำได้ครบ จะทำได้เสร็จในปี 2564-2565 ซึ่งหากเสร็จสมบูรณ์ก็จะทำให้ จ.กาญจนบุรี และบางส่วนใน จ.สุพรรณบุรี ได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง


         พล.อ.อ.ชลิต กล่าวอีกว่า โครงการพระราชดำริหรือโครงการตามพระราชประสงค์ใดๆ ที่องค์พระมหากษัตริย์พระราชทาน ถ้าประชาชนพยายามศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วน จะทำให้โครงการไปได้รวดเร็วและทำสำเร็จ แต่บางครั้งล่าช้า ไปติดอยู่ที่ประชาชนอาจจะยังไม่เข้าใจหรือถูกชี้แนะไปในอีกทิศทางหนึ่ง ทำให้เดินต่อไม่ได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของทุกคนที่เกี่ยวข้อง ต้องช่วยกันคิดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นนี้เป็นประโยชน์กับประชาชนจริงๆหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่เท่าที่เห็นล้วนเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น