ททท. เปิดตัวโครงการ 12 เมืองต้องห้าม…พลาด Plus ปี 61 ชูแนวคิด “Less Volume More Value”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวโครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus ปี 2561 ร่วมกับพันธมิตรหลายภาคส่วน ชูแนวคิด “Less Volume More Value” มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวให้น้ำหนักในเชิงคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. เปิดเผยว่า ททท. เปิดตัว “โครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus ประจำปี 2561 เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวจากเมืองท่องเที่ยวหลักไปสู่เมืองท่องเที่ยวทางเลือกที่มีศักยภาพ โดยได้ดำเนินงานต่อเนื่องเป็นปีที่สี่ ซึ่งในปี 2561 จะมุ่งตอกย้ำจุดขายที่มีเอกลักษณ์ในแต่ละเมืองมากขึ้น และกระตุ้นการท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ ทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยวในชุมชน การสนับสนุนสินค้าท้องถิ่นที่มีนวัตกรรรมต่อยอดสร้างสรรค์ อาหารถิ่น และการสร้างจิตสำนึกแก่นักท่องเที่ยวในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมไปกับการส่งเสริมสินค้าที่มีนวัตกรรมสร้างสรรค์ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น” กิจกรรมภายในงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus ปี 2561 ได้แก่ นิทรรศการแสดงสินค้าที่มีการผสานนวัตกรรมสร้างสรรค์จากทั้ง 5 ภูมิภาค (ผลิตภัณฑ์เซรามิคจาก จังหวัดลำปาง เครื่องแต่งกายผลิตจากสีย้อมธรรมชาติ จังหวัดน่าน ผลิตภัณฑ์ทอเสื่อ จากจังหวัดจันทบุรี ผลิตภัณฑ์จากหน้ากากผีตาโขน จังหวัดเลย ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับจากลูกปัดโนรา จังหวัดพัทลุง และผลิตภัณฑ์เสื้อสกรีนลายหนังใหญ่ จังหวัดราชบุรี) รวมทั้งสินค้า OTOP และอาหารถิ่นในจังหวัดหลักภายใต้โครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus จำนวน 24 บูธ อาทิ เครื่องเงิน จังหวัดน่าน ผลิตภัณฑ์จากไร่กำนันจุล จังหวัดเพชรบูรณ์ พลอย อัญมณีต่างๆ จังหวัดจันทบุรี เครื่องประดับจากลูกปัดโนรา จังหวัดพัทลุง ปลาทูซาเตี๊ยะ จังหวัดสมุทรสงคราม กุ้งจ่อมแม่เนย จังหวัดบุรีรัมย์ และผลิตภัณฑ์แมคคาเดเมียแปรรูป จังหวัดเลย ทั้งนี้ โครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus ในปี 2561 ททท. กำหนดทิศทางการดำเนินโครงการออกเป็น 4 ทิศทางหลัก ได้แก่ ตอกย้ำภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละเมืองให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเว็บไซต์และ Fanpage 12 เมืองต้องห้าม...พลาด (citieshiddengemsthailand.com) กระตุ้นรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยวผ่านการจัดงาน “เทศกาลเที่ยว 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus” ในวันที่ 14-17 ธันวาคม 2560 ณ โซน C ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยภานในงานจะมีการจำหน่ายแพ็คเกจท่องเที่ยวในราคาพิเศษ การจำหน่ายสินค้า OTOP อาหารท้องถิ่น รวมทั้งกิจกรรมสาธิตที่น่าสนใจ ตั้งเป้าผู้ประกอบการร่วมออกบูธกว่า 200 ราย จัดกิจกรรม Highlight ต้องห้ามพลาด ตลอดทั้งปีจะมีการจัดกิจกรรมที่โดดเด่นและสอดคล้องกับภาพลักษณ์ในแต่ละเมืองที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด อาทิ งานเทศกาลคริสต์มาสภูเรือ จังหวัดเลย งานมหานครผลไม้ จังหวัดจันทบุรี และงานสตรอเบอร์รี่แลนด์ แอนด์ กรีนมาเก็ต เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นต้น ซึ่ง ททท. และพันธมิตรด้านท่องเที่ยวได้จัดเตรียมโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าร่วมงานไว้อย่างจุใจ จัดกิจกรรม Event Marketing โดยจะนำแนวคิด Green Tourism สอดแทรกไปในขั้นตอนการดำเนินงานส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคัดแยกขยะ การไม่ใช้ถุงพลาสติก การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น นายนพดล ภาคพรต กล่าวเพิ่มเติมว่า “เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าโครงการ 12 เมืองต้องห้าม…พลาด ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ 12 เมืองต้องห้ามพลาด ส่งผลให้มีจำนวนและรายได้ของนักท่องเที่ยวชาวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี โดยในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2560 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้าพื้นที่ 13.6 ล้านคน รายได้จากการเดินทางท่องเที่ยว 52,400 ล้านบาท นอกจากนี้ ททท. ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่จะดำเนินการร่วมกับพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่พื้นที่ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus อาทิ สายการบินไทยแอร์เอเชีย สายการบินนกแอร์ และ Thai Ticket Major รวมไปถึงความร่วมมือในการจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดกิจกรรมคาราวานรถยนต์ ร่วมกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กิจกรรมปั่น SLOW LIFE เมืองต้องห้าม...พลาด ร่วมกับบริษัทมิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด และเนชั่นทีวี 22 อีกทั้งการจัดกิจกรรมค้นหาสุดยอด แฟนเมืองต้องห้าม...พลาด ร่วมกับแอพพลิเคชั่น One Map คาดว่ากิจกรรมต่างๆ จะทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมได้ตลอดทั้งปี และสร้างรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน”