Update Newsการตลาดธุรกิจ

แบรนด์ Mr.Leaf สะท้อนวิถีชุมชนผ่าน “ใบตองตึง” จากเส้นใยธรรมชาติ สู่สายตาชาวโลก

คงไม่มีใครคิดว่าใบตองตึงจากต้นที่กำลังแห้งเหี่ยวรอวันโรยรา ที่ชาวบ้านในภาคเหนือสมัยโบราณใช้มุงหลังคาบ้าน ใช้ห่อข้าวเหนียวและของอื่นๆ จะสามารถนำมารังสรรค์เป็นข้าวของเครื่องใช้ได้ แต่หากลองทำแล้วจะพบว่าสามารถทำได้และใช้งานได้จริงหากรู้จักนำมาประยุกต์รวมกับวัสดุสมัยใหม่เพราะเป็นใบไม้ที่มีเส้นใยหนามาก สังเกตจากการนำมามุงหลังคาซึ่งจะมีอายุการใช้งานถึง 5 ปี มิหนำซ้ำยังกันน้ำได้ เมื่อเทียบเท่ากับสินค้าจากวัสดุอื่นๆ 

คุณปรเมศร์ สายอุปราช เจ้าของแบรนด์  "Mr.Leaf" จากดินแดนล้านนา ทำให้ประจักษ์แก่สายตาของคนไทยและต่างชาติแล้วว่าสามารถนำใบตองตึงมาเนรมิตเป็นกระเป๋าได้อย่างลงตัว ซึ่งไม่ใช่แค่ลวดลายใบตองตึงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเท่านั้นแต่ยังสามารถนำมาตกแต่ง ตัดเย็บให้มีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของผู้ใช้งาน เมื่อได้สัมผัสจะได้รับรู้ถึงกลิ่นอายของวัฒนธรรมและกลิ่นอายความเป็นท้องถิ่น

ไม่เพียงแค่กระเป๋าเท่านั้น แต่จากการสั่งสมประสบการณ์ การลองผิดลองถูกและเรียนรู้จากวิทยากรชาวญี่ปุ่นเกี่ยวกับเส้นใยธรรมชาติรวมแล้วกว่า 10 ปี พร้อมกับการใช้โอกาสในช่วงที่ประชากรจากทุกมุมโลกตื่นตัวในการลดภาวะโลกร้อน หันมาใช้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้คุณปรเมศร์ มีไอเดียนำใบตองตึงมาทำเป็น หมวก ร่ม เสื้อ ของใช้จิปาถะอื่นๆเพิ่มเติม

และในปีหน้าจะเน้นการทำให้เป็นเฟอร์นิเจอร์มากขึ้น โดยมีออกมาให้เห็นเป็นบางส่วนแล้วอย่างเช่น โคมไฟและตู้ ด้วยความพิเศษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทำให้สินค้าของ "Mr.Leaf" เป็นที่สนใจของตลาดต่างชาติ ซึ่งเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดที่ใหญ่สุด คือร้อยละ 90 โดยตลาดใหญ่คือประเทศเจ้าแห่งแฟชั่นและความคิกขุ คือ ญี่ปุ่น แถมยังขยายตลาดไปถึงไต้หวัน จีน สิงคโปร์ และมาเลเชียอีกด้วย แต่ประเทศไทยไม่ต้องน้อยใจเพราะก็มีจำหน่ายเช่นกันแต่มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น 

สำหรับราคาเชื่อว่าทุกคนสามารถจับต้องได้เพราะเริ่มต้นที่หลักร้อย ไปจนถึงหลักพันบาท นี่จึงทำให้สินค้ามีความพิเศษและสามารถกวาดรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ประจำปี 2560 Best OTOP มาครองได้ ซึ่งรางวัลดังกล่าวทำให้ลูกค้าและผู้เป็นหุ้นส่วนจากต่างประเทศเชื่อมั่นในสินค้ามากยิ่งขึ้น 

จนทำให้แบรนด์ระดับโลกหลายแบรนด์ ทั้ง พราด้า แอปเปิ้ล และอื่นๆ กำลังหารือทางธุรกิจกับบริษัท เชื่อว่าที่อีกไม่นานคนไทยจะได้เห็นแบรนด์ระดับโลกถูกต่อยอดจากแบรนด์ไทยแท้ที่เริ่มต้นจากการเป็นโอท็อป 3 ดาว ของตำบลเวียงเหนือ เทศบาลนครลำปาง  สู่สินค้าระดับ 5 ดาวของโลกที่ยากต่อการเลียนแบบเนื่องจากใบตองตึงมีรูปแบบและเส้นใยเฉพาะตัว แต่ก็ไม่ประมาทเพราะคุณปรเมศร์บอกว่าจะพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ได้ขณะเดียวกันก็จะพยายามให้ลูกค้าใหม่มีเพิ่มขึ้น

จากจุดเด่นของสินค้าที่ต้องการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นชุมชนและสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวัน จึงเกิดไอเดียนำชิ้นส่วนต่างๆของกล้วยมาตัดเย็บร้อยเรียงเป็นของใช้ ทั้งกาบกล้วย ใบ เพราะมองว่ากล้วยกับชุมชนเป็นของคู่กันและคนในชุมชนจะใช้กล้วยทำประโยชน์ตั้งแต่การทำพิธีกรรมตอนเกิด จนถึงงานศพ 

ซึ่งผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ "Mr.Leaf" ก็จะสามารถรับรู้และบอกต่อแก่คนใกล้ตัวได้ นี่จึงนับว่าเป็นความภาคภูมิใจของผู้รักในความเป็นธรรมชาติและท้องถิ่น ที่สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้รับรู้ผ่านสิ่งของเครื่องใช้ ไม่ใช่เพียงเพื่อการอนุรักวัฒนธรรมโบราณแต่ยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัวด้วย

สำหรับรางวัล PM Award ที่ได้รับนี้ เป็นรางวัลสูงสุดที่ภาครัฐมอบให้กับผู้ประกอบการและผู้ส่งออกที่มีผลงานดีเด่น ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมาเพื่อแสดงถึงภาพลักษณ์ของคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าไทยใน ซึ่งมีการริเริ่มและพยายามบุกเบิกตลาดต่างประเทศภายใต้ชื่อทางการค้าของตนเอง 

อีกทั้งมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเองจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกรวมถึงทำให้ผู้นำเข้าและผู้ซื้อจากต่างประเทศมีความเชื่อมั่นต่อผู้ส่งออกของไทยที่ได้รับรางวัลอีกด้วย ขณะเดียวกันได้สนับสนุนการสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ดีให้แก่ผู้ประกอบการที่มีส่วนผลักดันการส่งออกสินค้าและบริการของประเทศอีกด้วย