ปักหมุด 12 ที่เที่ยว @ ระยอง
เที่ยวกันไปให้ใจฉ่ำ ที่นี่…ที่ระยอง
..บันทึกความทรงจำกับการกลับมาอีกครั้งในการเดินทางของชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ชสท.) และคณะนักท่องเที่ยววัยเก๋า รวม 50 กว่าชีวิต โดยการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง ระหว่างวันที่ 9 – 11 พฤษภาคม 2568 ที่แม้จะเป็นเมืองใกล้ๆ กรุง ฯ แต่คณะนักท่องเที่ยววัยเก๋าก็ไว้วางใจเดินทางไปกับชสท. เพราะอะไร ? …. ตามไปเลยคะ
DAY 1
คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรม ฯ บอกกับคณะว่า ครั้งนี้พาสมาชิกชมรมฯ และสมาชิกอาวุโสของชมรมฯ มาตามโครงการสุขทันทีที่เที่ยวระยอง มาเที่ยวภูมิภาคภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเทศกาลทานผลไม้ ช่วงนี้มีผลไม้ตามฤดูกาลหลากหลายชนิด โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด สละ ที่ขึ้นชื่อ
หลังจากนั้นก็จะไปพื้นที่ชุมชน ทางชมรมฯ ไม่เคยพลาดที่จะเข้าพื้นที่ชุมชนเพื่อเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ โดยนำเสนอวิถีชีวิตและวัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งจังหวัดระยองมีจุดประวัติศาสตร์ที่ทุกคนต้องไม่ลืม คือจุดที่สมเด็จพระเจ้าตากสินแวะมาพักทัพที่นี่ ก่อนเข้าตีเมืองจันทบุรี นี่คือประวัติศาสตร์ของไทย
อีกจุดหนึ่งคือเรือหลวงประแสร์ ซึ่งได้เคยออกน่านน้ำมาแล้ว ปัจจุบันได้ขึ้นระวาง ให้พวกเราได้ศึกษาพิจารณากัน หรือเส้นทางธรรมชาติ เช่น ทุ่งโปรงทอง
ชมรมฯ ในฐานะเป็นสื่อกลางในการท่องเที่ยวเราพร้อมนำเสนอทุกสิ่งเหล่านี้เพื่อไปถึงพี่น้องคนไทยทุกท่าน ได้รับรู้ว่านี่คือจังหวัดที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยว เป็นทำเลทองด้านการท่องเที่ยว ซึ่งไม่ควรพลาด”
และนี่คือหนึ่งเหตุผลที่เรามาเยือนเมืองระยองกัน
… คณะออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่เช่นเดิม เพื่อที่จะเที่ยวกันให้ฉ่ำชุ่ม โดยสถานที่แรกแทบจะเรียกว่าเป็นธรรมเนียมไปแล้วสำหรับชมรม ฯ คือต้องไหว้พระกันก่อน เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยเป็นสิริมงคลสำหรับคนเดินทาง
… เริ่มจากที่แรก วัดลุ่มมหาชัยชุมพล Wat Lum Mahachai Chumpon
วัดลุ่มมหาชัยชุมพล Wat Lum Mahachai Chumpon
วัดลุ่มมหาชัยชุมพล ด้านในมีพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชขนาดเท่าองค์จริงและศาลที่ประทับ เพื่อให้ลูกหลานได้ตระหนักถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
บริเวณด้านหน้าศาล มีบอร์ดนิทรรศการ แสดงอัตชีวประวัติของสมเด็จพระเจ้าตากสิน และเส้นทางยาตราทัพสมัยดำรงพระยศเป็นพระยาตาก วัดลุ่มฯ แห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา
https://maps.app.goo.gl/tLchpbYmA3a8mqa19
บุฟเฟ่ต์ผลไม้ที่สวนสุภัทราแลนด์ Suphattra Land
“เที่ยวระยอง… ที่สำคัญ กินทุเรียนก่อนใครไประยอง”
… เรียกว่าช่วงนี้เป็นเทศกาลทานผลไม้จริงๆ สำหรับเมืองระยอง หลายแห่งเปิดให้เข้าชิมผลไม้กันแล้ว ครั้งนี้ชสท.พาคณะมากันที่ สวนสุภัทราแลนด์ เปิดให้ประชาชนเข้าชมสวนโดยมีรถรางพานำชม พร้อมกับชิมบุฟเฟ่ต์ผลไม้จากต้นตามฤดูกาล ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง สละ มะเฟือง ชมพู่ แก้วมังกร ส้มโอ ขนุน มะม่วง ช่วงผลไม้ออกราวเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน
“เดี๋ยวเราแวะชมการผสมเกสรสละกันครับ” โชเฟอร์รถรางที่ทำหน้าที่ไกด์ไปด้วย บอกกับคณะลูกทัวร์
ที่สวนสุภัทราแลนด์ มีหลายฐานเรียนรู้ จุดแรกที่เราแวะคือ เรียนรู้การผสมเกสร”สละ” ผลไม้ที่ถูกปากหลายคน สำหรับสละที่นำมาผสมเกสรโชว์เป็นพันธ์สละสุมาลี เป็นการนำดอกสละตัวผู้ผสมกับช่อดอกตัวเมีย
“ชิมได้เลยนะครับ” น้องไกด์คนเดิมเชื้อชวน
เจ้าหน้าที่ให้ลูกทัวร์ได้ทดลองผสมละอองเกสรสละด้วยตัวเอง และให้ชิมกัน”สละพันธ์สุมาลี”ที่จัดเก็บจากในสวนใส่ตะกร้าเตรียมไว้ พร้อมกับสอนวิธีปลอกเปลือกสละแบบไม่ให้หนามทำร้ายเอา
คณะลูกทัวร์จับชิมคนละหมุบคนละหมับแค่พอหอมปากหอมคอ ก่อนจะไปจัดหนักกันที่บริเวณลานบุฟเฟ่ต์
บริเวณลานบุฟเฟ่ต์ มีผลไม้หลากชนิดที่ปลูกในสวนแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มังคุด สละ สับปะรด เงาะ และ… นอกนั้นก็มีอาหารที่เสริฟเพิ่ม เช่น ลูกชิ้นทอด ไก่ย่าง หมูย่าง ขนมจีน ส่วนรสชาติและฝีไม้ลายมือในการทำจะอย่างไรต้องลองไปชิมกันเองคะ
ส่วนเราขอเน้นบุฟเฟ่ต์ผลไม้คะ จัดให้หนัก … อิอิ
ทุเรียนที่นี่มีสามสายพันธ์ให้เลือกชิม มีหมอนทอง ชะนี และอีกอย่างจำไม่ได้ …แหะแหะ ใครชอบแบบนิ่ม แบบกรอบนอกนุ่มในต้องบอกกับเจ้าหน้าที่ เพราะแต่ละชิ้นที่จัดวางเรียงรายจำนวนนับร้อย ๆ จาน มีให้เลือกหลายแบบทั้งพลูหนึ่งเม็ด พลูสองเม็ด หรือหากไม่แน่ใจ ลองถามคุณดาว ผู้บริหารที่คอยยืนเทคแคร์ลูกค้าอยู่ไม่ห่าง
หลังจากอิ่มกันแบบจุกๆ กับผลไม้หลากชนิด ก็ขึ้นรถรางกันต่อ เลาะตามเส้นทางผ่านร้านคาเฟ่ริมน้ำที่จัดพื้นที่ไว้ให้นั่งจิบกาแฟรับลมชิล ๆ เป็นการย่อยไปในตัว รวมทั้งยังมีมุมน้ำตกตั้งเก้าอี้เตรียมพร้อมสำหรับไปถ่ายภาพกัน
… แต่หากใครยังไม่อยากลงนั่งคาเฟ่ ก็นั่งรถรางกันต่อเพื่อข้ามฟากฝั่งถนนไป ไปชมสวนแปลงผักไฮโดรโปนิกส์ ชมการเลี้ยงผึ้ง ชิมน้ำผึ้งสด และสวนผลไม้ต่างๆ
สวนสุภัทราแลนด์ เปิดบริการทุกวัน เวลา 8.00-17.00 น. โทร. 0 3889 2048, 08 1588 1519
https://maps.app.goo.gl/KAwxvLRSghtkX7iAA
วัดเขาโบสถ์ Wat Khao Bot
ว้าว !!! จะว้าวทำไม ? 555
อาจเพราะแทบจะน้อยครั้งที่จะเห็นโบสถ์ที่ดูเก่าแก่ขรึมขลังแบบนี้ แม้อายุราว 100 ปีอาจจะไม่มากเท่ากับที่อื่น แต่นับว่า ความสวยงามของโบสถ์นี้สำหรับเราน่าจะอยู่ที่ความคลาสสิค ผนังโบสถ์ หลังคา องค์พระประธาน และมีขนาดเล็ก ที่เข้าไปเพียงไม่กี่คนก็แทบจะเต็มโบสถ์ ที่นี่คือวัดเขาโบสถ์
ปัจจุบันเริ่มมีการปรับปรุงพื้นที่โดยรอบให้สะดวกต่อการเข้าชม ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรและการเข้ามาขอขมากรรมของพุทธศาสนิกชน ภายในโบสถ์เจ้าหน้าที่จัดวางโต๊ะพร้อมบทสวดมนต์และบทสวดขอขมากรรมไว้บริการ ในช่วงไม่มีนักท่องเที่ยวหลายคนเข้ามานั่งสมาธิอย่างสงบเงียบ ความเลื่อมใสสืบต่อกันมาจนกลายเป็นหนึ่งในหมุดหมายของชาวระยอง
ด้านหน้าโบสถ์จะพบศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน มีดาบโบราณวางไว้ให้ผู้มาเยือนได้ชื่นชม
หลังสักการะหลวงพ่อที่ประดิษฐานอยู่ภายในโบสถ์ อีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์สำคัญของวัดเขาโบสถ์คือจุดชมวิว สายวอล์คบนยอดเขาโบสถ์ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจุดที่เราอยู่นี้
บริเวณสกายวอล์ค สามารถมองเห็นวิวเมืองที่เหมาะสำหรับการมาเก็บภาพ โดยเฉพาะหากมีโอกาสในช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดินยิ่งสวยมาก ที่นี่หากมาเป็นหมู่คณะ รถบัสขนาดใหญ่ ต้องต่อรถสองแถวจากที่วัดด้านล่าง ซึ่งจะมีชาวบ้านในชุมชนมาช่วยกันให้บริการแบบราคากันเอง แต่ถ้ามารถเก๋งก็ขับกันขึ้นมาได้เลย บนยอดเขามีเจดีย์องค์เล็กตั้งอยู่ด้วย
https://maps.app.goo.gl/g7hbCEvkHxE7edFZ8
โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง
การมาเยือนระยองในทริปนี้ สมบูรณ์และสะดวกสบายยิ่งขึ้น เมื่อชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ชสท.) ได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากโรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง ในการรับรองคณะวัยเก๋าและคณะสื่อมวลชนสมาชิกชมรมฯ กับการพักผ่อนที่แสนสบายและกิจกรรมงานเลี้ยงต้อนรับโดยคุณวัชรพล สารสอน ผอ. ททท.สำนักงานระยอง สนับสนุน ในค่ำคืนที่สองของทริป
ที่นี่ต้องบอกว่า วิวอะเมซิ่งจริง ๆ ด้านหน้าเป็นชายหาดแสงจันทร์ที่สวยสงบ ด้านหลังติดลำน้ำที่เป็นป่าชายเลนผืนใหญ่ที่สำคัญของระยอง
โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช มีห้องพักที่แสนสบาย ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการ มีฟิตเนส สระว่ายน้ำกว้าง รวมทั้งห้องประชุมสัมมนา ห้องจัดเลี้ยง ที่มีบริการหลายขนาด
นอกจากนี้ยังมีห้องอาหารกลิ่นจันทร์ ที่เสิร์ฟอาหารสไตล์ “Thai and Western Crusine” ส่วนยามเช้าพบกับไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ยามเช้าที่คัดสรรเมนูให้ทานได้แบบทุกเพศทุกวัย อีกทั้งเมนูอะลาคาร์ททั้งอาหารและเครื่องดื่มที่ชวนให้ลิ้มลองมากกว่า 100 รายการ
… ค่ำคืนแรกในจังหวัดระยอง จึงทำเอาเราหลับเป็นตายกันเลยทีเดียว
… ราตรีสวัสดิ์
…และเช้ามาหลายต่อหลายคนต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า …นอนหลับสบายมากกกก
… เอาเป็นว่า… หากใครมาเที่ยวจังหวัดระยอง ที่ฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยองถือเป็นหนึ่งที่พักที่เราอยากให้ลองมาสัมผัสกัน
DAY 2
ทุ่งโปรงทอง Thung Prong Thong (Golden Meadow)
เข้าสู่วันที่สองในจังหวัดระยอง
“แปดโมงล้อหมุนนะคะ” หนึ่งในคณะทำงานส่งเสียงเตือนลูกทัวร์เพื่อให้เตรียมตัว หลังจากจัดการกับเมนูอาหารเช้าหลากหลายจนอิ่มฉ่ำ หลายคนเริ่มนั่งเม้าท์มอยกันแล้ว
ทุ่งโปรงทอง คือสถานที่เที่ยวแห่งแรกของเช้านี้
….ที่นี่ลานจอดรถกว้างขวางค่อนข้างสะดวกจะรถใหญ่รถเล็ก จอดเสร็จก็เดินเท้าเข้าสู่ทุ่งโปรงทองได้เลย แต่หากใครเดินไม่ไหวหรือขี้เกียจเสียเหงื่อ ก็สามารถเลือกใช้บริการซาเล้งของชุมชนได้ คิดคนละ 8 บาท คันหนึ่งสามารถนั่งได้ 5 คน
ทุ่งโปรงทองเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อยู่ในเขตชุมชนบ้านแสมภู่ ปากน้ำประแส สมัยก่อนชาวบ้านทำประมง เลี้ยงกุ้ง ทำการเกษตรทำสวนผลไม้ เรียกว่าใช้ทรัพยากรธรรมชาติกันอย่างเต็มที่ สิ่งแวดล้อมป่าชายเลนเสื่อมโทรมลง เทศบาลตำบลปากน้ำประแสซึ่งดูแลและให้ความสำคัญในระบบนิเวศน์ของป่าชายเลนเพื่อรักษาสมดุลย์สิ่งแวดล้อม จึงร่วมกับหลายภาคส่วนในพื้นที่พัฒนาป่าชายเลนผืนที่ใหญ่ที่สุดของ จ.ระยองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และศึกษาเรียนรู้ควบคู่กันไป โดยสร้างสะพานเดินศึกษาธรรมชาติ เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร
…วันนี้ทุ่งโปรงสีเหลืองทองตัดเขียวเข้มของทิวไม้สูงยามต้องแสง แลเห็นกว้างสุดลูกหูลูกตา จะหันมุมไหนก็น่ามองไปเสียหมด นี่กระมังที่ทำให้แหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ไม่เคยเลือนหายไปจากหมุดหมายของการมาเยือนระยอง
“ตอนนี้สะพานบางส่วนมีชำรุดบ้าง ค่อยๆ เดิน ระวังด้วยคร้า”
สะพานไม้ขนาดกว้างราวหนึ่งเมตร ทอดยาวแทรกแซมเข้าสู่ป่าโกงกาง คดเคี้ยวตามทางสู่จุดเช็คอินทุ่งโปรงทอง (ดูจากป้ายที่ระบุเอาไว้กลางลาน) นอกจากนี้ก็จะมีป้ายบอกทางไปศาลเจ้าพ่อแสมผู้ ทางไปต้นแสมยักษ์ ไปหอชมธรรมชาติ และ…
ที่นี่ไม่ใช่เพียงสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติทั่วไป แต่เป็นพื้นที่ต้นแบบความร่วมมือในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลนอย่างยั่งยืนอย่างมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนและได้รับการประกาศให้เป็นโครงการป่าในเมืองจังหวัดระยอง “มหัศจรรย์ป่าชายเลน ทุ่งโปรงทองปากน้ำประแส”
https://maps.app.goo.gl/EHVpBHLvZLFsSBqD9
อนุสรณ์เรือหลวงประแส HTMS Prasae Memorial Park
มาต่อกันที่ อนุสรณ์เรือหลวงประแส ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบล: ปากน้ำกระแส อำเภอ แกลง เป็นอนุสรณ์สถานของเรือที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ราชนาวีไทย ถือเป็นอนุสรณ์เรือหลวงที่ปลดระวางและนำมาตั้งตระหง่านอยู่ที่ปากน้ำเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของคนรุ่นหลัง บริเวณใกล้เคียงมีร้านรวงตลอดทางแนวสนริมหาด เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
https://maps.app.goo.gl/EHKE64kyGkx9xTz8A
ชุมชนบ้านทะเลน้อย
หลังถ่ายภาพเสร็จสรรพก็เดินทางกันต่อเพื่อลงพื้นที่ชุมชน มาระยองครั้งนี้เราเลือกที่ ชุมชนท่องเที่ยวบ้านทะเลน้อย เพื่อเรียนรู้วิถีชุมชนที่เป็นต้นแบบการรวมกลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นแหล่งปลูกผักกระชับเพียงแห่งเดียวของไทยและยังมีการท่องเที่ยวตามรอยวัฒนธรรมวิถีชุมชน
ที่นี่มีจัดรถรางเอาไว้บริการสำหรับหมู่คณะ เพื่อนำชมฐานเรียนรู้ที่น่าสนใจ ซึ่งก็มีหลายฐาน แล้วแต่ทางผู้จัดจะเลือก ไม่ว่าจะเป็นจัดให้ชมการสาธิตทำปลาเค็มแบบภูมิปัญญาดั้งเดิม การสาธิตและฝึกการปลูกผักกระชับ การทำกล้วยตาก บ้านแสดงศิลปหัตถกรรมของคุณยายประทวน ซื่อตรง วัย 72 ชาวบ้านที่ทำโมเดลบ้านทรงไทยโดยใช้ข้าวเปลือก เป็นวัสดุพื้นบ้านที่ปัจจุบันยังคงเก็บรักษาไว้
และที่สำคัญ มีพระสานหวาย ประดิษฐานในโบสถ์โบราณสมัยรัชกาลที่ 4 ที่วัดราชบัลลังก์ โดยมีมัคคุเทศน์น้อยให้ข้อมูลกับนักท่องเที่ยว
โทร. 08 1864 9086
https://maps.app.goo.gl/Rn4EXBSGn4f3gmxq5
วัดราชบัลลังก์ประดิษฐาราม Wat Ratchabanlang Praditthawararam
วัดราชบัลลังก์ ในช่วงเริ่มสร้างมีชื่อว่า “วัดเนินสระ” อาจเป็นเพราะตั้งชื่อตามสภาพพื้นที่ คือมีสระน้ำสำหรับชาวบ้านใช้อุปโภคบริโภคอยู่ชายเนิน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดทะเลน้อย” ตามชื่อหมู่บ้าน เพราะบริเวณนี้กล่าวกันว่า เดิมเป็นทะเล แต่มาตื้นเขินเป็นพื้นดิน หากขุดลึกลงไปสักเล็กน้อย จะพบซากเปลือกหอยมากมายในทุกพื้นที่ ถึงหน้าฝนน้ำขังจึงใช้ทำนาได้
ตามประวัติยังบอกอีกว่า … ในอดีตหน้าแล้ง บางปี น้ำทะเลหนุนเออขึ้นมาท่วมทุ่ง มองดูแล้วคล้ายทะเลน้อย ๆ จึงมีชื่อเรียกหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านทะเลน้อย”
ที่นี่มีอุโบสถเก่าแก่ ซึ่งมีอายุราว 300 ปีเศษ ผนังก่ออิฐถือปูน ขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 10.70 เมตร ซุ้มประตูหน้าต่างตกแต่งด้วยลายดอกไม้ ที่ฐานรองพระประธานเราเห็นผลงานสถาปัตยกรรมกึ่งไทยกึ่งจีนที่วิจิตรงดงาม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ (หลวงพ่อโครงหวาย) ซึ่งทำด้วยโครงหวายฉาบปูน เรียกว่ายิ่งกว่าว้าว !! สำหรับเราจริงๆ
นอกจากนี้ยังมีศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน และโบราณสถานโบราณวัตถุที่สำคัญมากมาย เช่น บัลลังก์ มีดดาบ ฯลฯ
https://maps.app.goo.gl/wEu3U1rkEcEv8Kux5
หลังเดินทางกันมาทั้งวัน ค่ำคืนนี้เป็นกิจกรรมงานเลี้ยงต้อนรับกันที่โรงแรม ฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก คุณวัชรพล สารสอน ผอ.ททท.สำนักงานเขตระยอง
ผอ.วัชรพล สารสอน ผอ.ททท.สำนักงานระยอง ยังฝากเชิญชวนนักท่องเที่ยวว่า “อยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวจังหวัดระยอง ท่านจะพลาดช่วงนี้ไปไม่ได้เพราะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของการทานทุเรียน เงาะ มังคุดของจังหวัด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ระยอง เที่ยวง่าย เที่ยวใกล้ นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลและที่สำคัญยังมีธรรมชาติที่สวยงาม
เช่นทุ่งโปรงทอง สวนพฤกษศาสตร์ระยอง สายมูก็ดัง ต้องมาพิสูจน์นะครับ และ….
…. อยากเชิญชวนมาเที่ยวระยอง… ที่สำคัญ กินทุเรียนก่อนใครไประยอง สามารถติดตามข้อมูลต่างๆ ได้ที่ เพจ สำนักงานททท.ระยอง”
DAY 3
พระเจดีย์กลางน้ำ
… เผลอแป๊บเดียว ก็เข้าสู่วันที่สามของการท่องเที่ยวเมืองระยองกันแล้ว เช้านี้เริ่มกันที่ พระเจดีย์กลางน้ำ ว่าที่จริงหากใครมาถึงระยองแล้วอยากสัมผัสกับธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ใกล้กับโรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง สามารถเข้ามาเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย
มีสะพานให้เดินเข้าไปชมป่าโกงกางที่มีต้นโกงกางขนาดใหญ่สวยงาม ค่อยๆ เดินชม ชิลๆ ถ่ายคลิปซ้ายขวา เดินเรื่อย ๆ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์กันบ้าง รับพลังบวกกันก็ดีไม่น้อย เพียงแต่ทริปนี้… เราไม่ได้พาเดินข้ามเข้าไปเพราะด้วยข้อจำกัดในเรื่องของวัยของผู้ร่วมเดินทาง แต่นำรถมาจอดบริเวณลานจอดของพระเจดีย์กลางน้ำโดยตรง
ซึ่งพระเจดีย์กลางน้ำตั้งอยู่บนเกาะริมแม่น้ำระยอง สร้างในสมัยพระยาศรีสมุทร โภคชัยชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา) เจ้าเมืองระยอง เป็นเจดีย์ก่ออิฐฉาบปูน สูงประมาณ 10 เมตร พื้นที่รอบๆปูด้วยกระเบื้องดินเผาเด่นเป็นสง่าบนเกาะกลางแม่น้ำระยอง
เป็นสัญลักษณ์ของชาวเรือว่าได้เดินทางมาถึงระยองเเล้ว ในสมัยพระยาศรีสมุทรโภคชัย ในวันเพ็ญเดือนสิบสองของทุกปีจะมีงานประเพณีห่มผ้าพระเจดีย์ แข่งเรือยาวและงานลอยกระทง
https://maps.app.goo.gl/W1KqUhmtcMvgiFTWA
วัดป่าประดู่ Wat Pa Pradu
หลังชื่นชมกับป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ อัญมณีหนึ่งเดียวในระยองแล้ว เราก็มาต่อกันที่ วัดป่าประดู่
วัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งแต่เดิมเคยชื่อว่า วัดป่าเลไลยก์ มีความโดดเด่นอยู่ที่พระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ ยาว 11.95 เมตร สูง 3.60 เมตร ที่ประดิษฐานภายในพระวิหาร ซึ่งมีพุทธลักษณะไม่เหมือนกับพระพุทธรูปองค์อื่น ๆ ตรงที่ประทับอยู่ในท่านอนตะแคงซ้าย
เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานกลางแจ้ง จนเมื่อปี พ.ศ. 2524 ได้มีการสร้างวิหารครอบองค์พระเอาไว้ นอกจากจะได้กราบสักการะพระนอนองค์นี้แล้ว นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดแวะสักการะพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ประทับอยู่ในท่านั่งห้อยพระบาทองค์เก่าแก่ที่อยู่คู่กับวัดเพื่อเสริมสิริมงคล
และที่พลาดไม่ได้คือ เยี่ยมชมอุโบสถเก่าแก่อายุเกินร้อยปี กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน มีหน้าบันสวยที่สุดในภาคตะวันออก ภายในประดิษฐานพระประทานอภัย อะแฮ่ม…และที่สำคัญ สายมูไม่ควรพลาดหลายคนลอดใต้อุโบสถเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองด้วย
วัดตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าประดู่ ถนนสุขุมวิท อำเภอเมืองฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามข้อมูลได้ที่ : ททท. สำนักงานระยอง โทรศัพท์ 0 3865 5520-1
https://maps.app.goo.gl/X9YeVZm9F6Sx4piQ7
ถนนยมจินดา ระยอง ย่านเก่า แนววินเทจ
ถนนสายนี้ดูจะเป็นแหล่งรวมงานอาร์ต แนววินเทจกัน เพราะเสน่ห์ของชุมชนที่เก่าแก่ตั้งแต่สมัยชาวจีนโพ้นทะเลเข้ามาทำมาหากิน ถนนยมจินดา เป็นถนนสายแรกของจังหวัดระยอง ตลอดระยะทางกว่า 600 เมตร เป็นที่ตั้งของชาวจีนและบ้านขุนนางและคหบดีในอดีตซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม อาหารและเรื่องราว
ในอดีตเมืองระยองใช้แม่น้ำระยองที่ไหลผ่านใจกลางเมือง เป็นลำน้ำสายหลักในการติดต่อค้าขายและทำธุรกิจการค้า มีกิจการอู่ต่อเรือ ใช้เส้นทางน้ำขนส่งสินค้าขึ้นล่องไปยังหัวเมืองต่างๆ จนกระทั่งสมัย พระศรีสมุทรโภค (อิ่ม ยมจินดา) เจ้าเมืองคนสุดท้ายของเมืองระยอง ได้เริ่มสร้างถนนแห่งแรกขึ้น ให้ขนานไปกับแม่น้ำ ชื่อว่า ถนนยมจินดา ซึ่งกลายเป็นถนนที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเมืองระยองในอดีต
บนถนนยมจินดานี้ นอกจากจะมีบ้านเรือนเก่าที่มีอายุเกือบ 100 ปี ที่อนุรักษ์ไว้ ยังมีพิพิธภัณฑ์เมืองระยอง และวันนี้ดูเหมือนเราจะมาปักหลักกันอยู่ที่ร้านกาแฟเก๋ๆ ที่ชื่อ หลานเอก นี้กันเสียเป็นส่วนใหญ่ เนื่องเพราะวันที่เข้าไปเป็นวันเลือกตั้งทำให้แต่ละร้านปิดกันไปพอสมควร
ต้องขอบคุณ คุณ ทรงยศ หนึ่งในสมาชิกนักท่องเที่ยววัยเก๋า นักธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรม เป็นชาวระยองโดยกำเนิด ปัจจุบันขอเกษียณตัวเอง ปล่อยให้ลูกหลานดำเนินธุรกิจต่อและร่วมเดินทางไปกับทริปของชสท.แทบจะทุกทริป ที่พาเรามารู้จักกับร้านกาแฟ หลานเอก แห่งนี้
“ผมเป็นคนระยอง ขอบคุณชสท.ที่มาเที่ยวระยอง สิ่งใดที่ผมสามารถทำให้กับคนระยอง มีโอกาสที่จะสนับสนุนด้านไหน ผมยินดี ร้านนี้ผมก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่รู้จักเพราะเป็นร้านใหม่ล่าสุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเช็คอินกัน เลยอยากพามาแนะนำครับ”
นั่นทำให้… คณะของเราห้าสิบกว่าชีวิต ได้รับการต้อนรับจากผู้ใหญ่ใจดีชาวเมืองระยองด้วยเครื่องดื่มคลายร้อนกันถ้วนทั่ว
และเมื่อถามถึงความรู้สึกถึงการมาร่วมทริปกับชสท. คุณทรงยศ บอกว่า “… ในมุมมองของผมนะ คิดว่าทุกสถานที่ที่ไปกับชสท. เจาะลึกทั้งหมด ผมเป็นคนระยองบางอย่างผมยังไม่รู้เลยว่า พระแท่นบัลลังก์ของพระเจ้าตากอยู่ที่อำเภอแกลง แต่ผมเกิดในเมือง ต้องบอกว่าคุณวรางคณา ให้รายละเอียด เจาะลึกให้เราได้เที่ยวและยังให้ความรู้กับเราด้วย อันนี้ดีมาก” เสียงสะท้อนจากคุณทรงยศ ลูกทัวร์คนเดิม
… ปลื้มใจ….
มีสุข ฟาร์ม MeSook Farm
แล้วก็ถึงสถานที่สุดท้ายของทริปเที่ยวระยอง ก่อนจะเดินทางกลับกทม.กัน ที่ “มีสุข ฟาร์ม” หลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้างกับการทำงานในรูปแบบวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรไม้กฤษณาแห่งนี้
จำได้ว่าเราพบกับพี่แมว – คุณพิกุล กิตติพล ประธานฯ ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน ได้เห็นถึงความตั้งใจของเธอ ในการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกป่าเบญจพรรณ เช่น ไม้สักยางนา มะค่าโมง มะค่าแต้ รวมทั้งประดู่ กระถินณรงค์ และต้นไผ่กว่า 180 ชนิด บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ นับเป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกไม้กฤษณาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ปัจจุบันมีการส่งออกไม้ น้ำมัน และผลิตภัณฑ์จากกฤษณา ไปกว่า 10 ประเทศ
ที่ บ้านมีสุข มีผลิตภัณฑ์จากไม้กฤษณากว่า 40 ชนิด เช่นธูปปั้น ธูปหอม น้ำมันหอม น้ำหอมระงับกลิ่นกาย โลชั่น แชมพู เซรั่มโฟมล้างหน้า ฯลฯ แถมยังมีสาธิตการนวดผ่อนคลายด้วยน้ำมันหอมอีกด้วย งานนี้น่าจะถูกอกถูกใจชาวคณะวัยเก๋าของเรา
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่เลิฟน้องหมา คือ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของร้าน น้องหมาพันธ์ซามอยด์ จะค่อยแอคท่าถ่ายรูปกับทุกคนที่เข้ามาอุดหนุน
หลังจากนั้น เข้าสู่อีกหนึ่งจุด เป็นร้านอาหาร “คาเฟ่ มีสุข” ให้บริการอาหารท้องถิ่นเมนูเพื่อสุขภาพที่ได้รับรางวัลเชฟชุมชน พร้อมเครื่องดื่มนานาชนิดพร้อมเมนูซิกเนเจอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันกฤษณาที่ให้ความหอมและผ่อนคลาย อาทิ กาแฟน้ำผึ้ง กฤษณามรกต กฤษณารัญจวน ฯลฯ
และโรงกลั่นไม้กฤษณาเก่าแก่ ที่สร้างมานานนับสิบปีแห่งนี้ ได้รับการออกแบบด้วยการสร้างเป็นห้องกระจก ที่นอกจากจะโชว์การกลั่นน้ำมันกฤษณา ยังจัดพื้นที่นำผลผลิตจากไม้กฤษณาให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้สนใจ และแบ่งสัดส่วนสถานที่นั่งรับประทานอาหารภายในอาคารไว้อย่างลงตัว
โรงกลั่นน้ำมันกฤษณา เก่าและใหม่
หากมีเวลาสามารถเดินเล่นตามฐานการเรียนรู้ แนวแอดเวนเจอร์อีก 14 ฐาน หรือจะออกไปพายเรือ เดินชมน้องควาย น้องแพะ ก็เพลิดเพลินจำเริญใจได้ ที่นี่ถือเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับคนทุกวัย
มีสุขฟาร์ม เปิดบริการทุกวัน : 09.00 – 17.00 น. (หมู่คณะ ติดต่อล่วงหน้า) โทร. 0828987886 Facebook : Mesook Farm
… ปิดทริปตลอดสามวันสองคืน “สุขทันทีที่เที่ยวระยอง” ของชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว คณะนักท่องเที่ยววัยเก๋า และททท.สำนักงานระยอง กันในวันนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สำหรับเราถือเป็นช่วงเวลาดีดีอีกครั้งหนึ่ง
.. .เราเลือกที่จะมีความสุขเพิ่มเติมในชีวิตได้ด้วยช่วงเวลาดีดีจากการเดินทาง ซึ่งไม่ใช่ให้เพียงประสบการณ์ใหม่ๆ แต่ยังเปิดโลกแห่งมิตรภาพระหว่างการเดินทางอีกด้วย
… เลือกเพิ่มความสุขกันต่อไป
… ทริปหน้า เดือนสิงหาคม พบกันต่อที่จังหวัด “อุตรดิตถ์” จร้า
…….
นาริฐา จ้อยเอม เล่าเรื่อง
ขอขอบคุณ
คุณวัชรพล สารสอน ผอ.ททท.สำนักงานระยอง
คุณชุตินันท์ รวมพลังเอก ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด
คุณรุ้งลาวัลย์ พุ่มจันทร์ ผู้จัดการอาวุโส โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง
คุณสุรางค์รัตน์ เพชรประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง
สื่อมวลชนสมาชิกชมรม ฯ และ คณะนักท่องเที่ยววัยเก๋า