เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565 - เวลา 06.00 น. ณ บริเวณหน้าพระราชวังจันทน์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนนักปั่นการแข่งขันจักรยานนานาชาติ L'Etape Phitsanuloke by Tour de France 2022 ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน รวมทั้ง ดร. จุฑา ธาราไชย ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ (ทีเส็บ) โดยมีกองเชียร์ชาวพิษณุโลกและชุมชนในตำบลที่เป็นเส้นทางผ่าน ต่างออกมาให้กำลังใจนักปั่นตั้งแต่จุดปล่อยตัวตลอดจนสองข้างทางทั้งระยะ 66 กิโลเมตร และ 166 กิโลเมตรอย่างคึกคัก และยังได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการจัดอาหารเครื่องดื่มรับรองนักปั่นอย่างมากมายหลากหลาย
โดยการแข่งขันครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 3 ระยะทาง คือ ระยะ 166 WAVE 0 , ระยะ 166 WAVE 1 และระยะ 66 WAVE 2 ซึ่งนายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก, นายรณชัย จิตรวิเศษ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และนายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ร่วมปั่นในระยะทาง 66 กิโลเมตร และเข้าเส้นชัย ณ จุด Finish ที่สะพานนเรศวร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
สำหรับผลการแข่งขันในระยะ 166 กิโลเมตร แชมป์นักปั่นฝ่ายชาย ได้แก่ Mr. Shane Goodhew เข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 04:08:55 ชั่วโมง ส่วนแชมป์นักปั่นหญิง ได้แก่ นางสาวสลักฤทัย อิงคกิตติ ทำเวลา 04:37:11 ชั่วโมง ในขณะที่แชมป์ระยะ 166 กิโลเมตร จำกัดอายุไม่เกิน 25 ปี ฝ่ายชาย ได้แก่ นายนวพล กาสา จากพิษณุโลก เข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 04:29:41 ชั่วโมง ส่วนแชมป์นักปั่นหญิง ได้แก่ นางสาวกมลรดา ขาดปลอด จากกรุงเทพฯ ทำเวลา 04:37:33 ชั่วโมง
การแข่งขันจักรยานนานาชาติ L'Etape Phitsanuloke by Tour de France 2022 เป็นความสำเร็จที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการแสดงเจตจำนงเป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยมีทีเส็บสนับสนุนการประมูลสิทธิ์ เพื่อแสดงศักยภาพของจังหวัดพิษณุโลกในฐานะไมซ์ซิตี้ และจังหวัดพิษณุโลกได้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าว 3 ปีติดต่อกันคือปี 2022 – 2024
ซึ่งผลลัพธ์จากการเป็นเจ้าภาพงานระดับโลกเช่นนี้คือการสร้างชื่อให้เมืองพิษณุโลกเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง สร้างประสบการณ์และโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนา เรียนรู้ และยกระดับเมืองให้เป็น World Cycling Destination แห่งใหม่ต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วประเทศและทุกมุมโลก ทั้งยังเป็นการสร้างมาตรฐานความพร้อมในการเป็น Branded-new Cycling Event ต่อยอดจากการแข่งขันจักรยานไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างการกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งในปีต่อไปเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดนักปั่นได้มากขึ้นและสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
