หมอเกรซเปิดโลกทัศน์ความงามแห่งดวงตา “Dermo Touch Eye Filler Technique”

ทำไมจึงมีสำนวนพูดต่อๆกันมาช้านานว่า “ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ...The eyes're the window of the soul” เนื่องจากว่า สายตาเป็นปราการด่านแรกที่จะนำไปสู่ความรู้สึกเชิงบวกหรือเชิงลบ อีกทั้งสายตาของคนเราสามารถอ่านลักษณะและบ่งบอกถึงความรู้สึกภายในจิตใจได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะ อาทิ ชอบ ไม่ชอบ รัก ไม่รัก โกรธ มีความสุข มีความทุกข์ นอกจากนี้ “ดวงตา” ก็ยังเป็น 1 ใน 5 ของโหงวเฮ้งที่บ่งบอกลักษณะนิสัยของบุคคลได้ด้วย 


     

 เมื่อดวงตามีความสำคัญเช่นนี้เราจึงควรถนอมและดูแลดวงตาอยู่ตลอดเวลา แต่มีหลายคนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับดวงตา ทำให้ดูไม่สดใสเท่าที่ควร เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปมีนวัตกรรมความงามเข้ามาเสริมสร้างความมั่นใจได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว อย่างเรื่องปัญหาของดวงตา โดยเฉพาะเรื่องของตาคล้ำและถุงใต้ตาบวมคล้ำ ก็มีการใช้เทคนิคทางการแพทย์คือ “การฉีดฟิลเลอร์” เข้าไปเติมเต็ม ช่วยทำให้ผิวหนังดูตื้นขึ้น ใบหน้าสดใสมีออร่าอ่างเห็นได้ชัดเจน 


หมอเกรซ-พญ.เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร แห่ง Doctor Grace Clinic แพทย์ด้านความงามที่มีประสบการณ์สร้างสรรค์ความงามให้กับคนดังหลายคนได้ให้ความรู้และข้อแนะนำกับเรื่องของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ว่า ขณะนี้ได้มีเทคนิคใหม่คือ Dermo Touch Eye Filler Technique เป็นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาทีละน้อยๆ เพียงจุดละ 0.01 cc. เท่านั้น โดยฉีดในผิวชั้นตื้นๆ เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่คุณหมอได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาข้างต้นโดยเฉพาะ ผลลัพท์ที่ได้เพื่อทำให้ผิวรอบดวงตากลับมาสวยใสธรรมชาติดังเดิม 
 

ทั้งนี้เทคนิคเดิม ๆ จะเน้นการใช้ปริมาณฟิลเลอร์จำนวนมากฉีดเข้าไปบริเวณใต้ตา โดยไม่กระจายจุดในการฉีด ทำให้สามารถเห็นก้อนฟิลเลอร์ได้ง่ายเวลาที่เรายิ้ม แต่เทคนิคใหม่นี้รับรองว่าดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีใครทราบว่าไปฉีดฟิลเลอร์มาแน่นอน เพราะอย่างที่บอกเราใช้ยาปริมาณน้อยๆ กระจายไปหลายๆ จุด ทำให้ดูสวยธรรมชาติ ไม่มีลักษณะเป็นก้อนเหมือนเทคนิคเดิม ๆ 
 

หมอเกรช กล่าวด้วยว่า เทคนิคนี้เป็นการฉีดฟิลเลอร์ลงบนชั้นผิวหนังที่ตื้นมากๆ ทำให้ผิวหนังได้รับการเติมเต็มที่ง่ายขึ้น ปริมาณการใช้ตัวยาฟิลเลอร์ก็น้อยลง ช่วยทำให้คนไข้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้พอสมควร ที่สำคัญคือ  มีความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากมีการกระจายตัวฟิลเลอร์ในการฉีดไม่ให้กระจุกเป็นก้อน รวมถึงมีการใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่น้อยลง ประกอบกับเทคนิคที่ฉีดบริเวณชั้นผิวหนังที่ตื้นเท่านั้น 

ทำให้ผลข้างเคียงหรือปัญหาที่ตามมานั้น แทบไม่พบเจอเลยจากเทคนิคเดิมๆ ที่ฉีดแล้วฟิลเลอร์เป็นก้อน ไหลไปตามจุดต่างๆ หรือมีการฉีดเข้าไปในส่วนที่ลึกเกินทำให้เส้นเลือดอุดตัน ส่งผลทำให้เสี่ยงต่ออาการตาบอดได้ง่าย 
 แต่ไม่ว่าคุณจะเข้ารับการรักษาที่ไหน ควรเลือกคลินิกที่ทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจริงๆ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น จำเป็นต้องใช้ความละเอียดสูงมาก 


สุดท้ายอยากฝากข้อคิดไว้ว่า ธรรมชาติของ “ดวงตา” ไม่สามารถมองเห็นได้ถึง “หัวใจ” เพราะฉะนั้นธรรมชาติของ “หัวใจ” จึงไม่ควร ตัดสินใครด้วย “สายตา”