แพทย์เตือน “แสงแดด” ภัยเงียบที่ต้องระวัง แนะเตรียมผิวสู้ศึกความร้อนช่วงสงกรานต์

ปัจจุบันโลกของเรากำลังร้อนมากขึ้น เนื่องจากโลกมีชั้นโอโซนในบรรยากาศช่วยกรองรังสีอัลตร้าไวโอเลตที่มาจากดวงอาทิตย์ถูกทำลาย จากงานวิจัยตั้งแต่ ปี 2523 พบว่าชั้นโอโซนสลายไป 3-6 % ทุก 10 ปี โดยเฉพาะบริเวณขั้วโลกเหนือ ซึ่งเป็นผลมาจากสารคลอรีนที่เป็นมลพิษจากอุตสาหกรรมต่างๆ โดยทุก 1 % ที่ชั้นโอโซนลดลงจะเพิ่มรังสีอัลตร้าไวโอเลต –B มาถึงผิวโลก 1 % ด้วย ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องคือ พลังงานความร้อนบนพื้นโลกมากขึ้นและรังสีอัลตราไวโอเลตในช่วงคลื่นซึ่งเป็น อันตรายต่อสิ่งที่มีชีวิตผ่านลงมาถึงพื้นโลกมากขึ้น โดยเฉพาะ“ผิวหนัง”ของคนเรา ในขณะที่ความร้อนกำลังจะมาเยือนช่วงเทศกาลสงกรานต์และเดือนเมษายนนี้ ซึ่งแต่ละคนแต่ละครอบครัวมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย  แพทย์ด้านผิวพรรณและความงามได้แนะนำวิธีป้องกันและดูแลจากแสงแดด ภัยอันดับต้นของผิวพรรณ

 หมอเกรซ-พ.ญ.เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร แพทย์ด้านผิวพรรณและความงาม Doctorgrace Clinic กล่าวว่า จากการการวิจัยและสำรวจต่าง ๆ พบว่า ปัจจุบันโลกร้อนขึ้นเพราะแสงจากดวงอาทิตย์ เนื่องจากมลภาวะต่างๆที่มากขึ้น ทำให้ชั้นโอโซนบางลง ซึ่งชั้นโอโซนเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยกรองรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตหรือยูวีจากดวงอาทิตย์ แล้วเมื่อชั้นบางลงรังสียูวีเข้ามาสู่โลกมากขึ้น ทำให้เกิดผลเสียต่อผิวของคนเรา โดยแสงอัลตร้าไวโอเล็ตหรือยูวีสามารถแบ่งออกมาเป็น 3 ประเภทตามความยาวคลื่นได้แก่ อัลตร้าไวโอเล็ตเอ (UVA Rays)  ทำให้เกิดผลเสียต่อผิวในระยะยาวและปัญหาเอจจิ้ง คือผิวแก่ก่อนวัย รอยเหี่ยวย่น ตีนกา  อัลตร้าไวโอเล็ตบี ( UVB Rays) ทำให้ผิวไหม้แดดแสบร้อน ก่อให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ และ อัลตร้าไวโอเล็ตซี (UVC Rays)  เป็นรังสีรุนแรงที่สุดสามารถทำอันตรายต่อชีวิตได้มากที่สุด

ทั้งนี้ปริมาณแสงยูวีที่ส่องลงมากระทบผิวโลกแตกต่างกันไปในช่วงเวลาระหว่างวัน สำหรับช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด ได้แก่ เวลา 10 โมงเช้า (10.00 น.) ถึงเวลา บ่าย 3 โมงเย็น (15.00 น.)  โดยช่วงเวลานี้ผิวหนังของคนเราจะถูกทำร้ายได้เร็วที่สุด

“จริง ๆ การดูแลผิวหน้าและผิวพรรณ ไม่ได้เริ่มต้นหรือเน้นเฉพาะการออกจากที่พักไปเจอแสงแดดข้างนอกเท่านั้น หากแต่คือการดูแลอย่างถูกวิธีและขั้นตอนมาตั้งแต่วัยเด็กเลย ซึ่งผลเปรียบเทียบของการดูและกับไม่ดูแลผิวหน้าและผิวพรรณอาจยังเห็นไม่ชัดเจนในช่วงอายุยังน้อย

แต่ถ้าอายุมากขึ้นจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ถ้าเราดูแลผิวตั้งแต่เนิ่นๆ จะทำให้คอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนช่วยทำให้ผิวมีแรงสปริงและยืดหยุ่นที่อยู่บริเวณใต้ผิวสูญเสียน้อย ผิวพรรณจะดูอ่อนกว่าวัย แล้วเมื่อเข้ารับการดูแลรักษาต่างๆ เช่น การยิงเลเซอร์ หรือฉีดฟิลเลอร์ คนที่มีคอลลาเจนใต้ผิวเดิมมากกว่าจะเห็นผลของการทำหัตถการเหล่านี้ชัดเจนกว่า และอยู่ได้นานกว่าคนที่ผิวขาดคอลลาเจน โดยผิวที่ไม่ได้รับการดูแลมักจะดูแก่กว่าวัย และตอบสนองต่อการรักษาได้ไม่ดีเท่าคนที่ดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้แสงแดดทำให้รอยแผลต่างๆหลังจากการทำศัลยกรรมมีสีคล้ำขึ้น ทำให้รอยแผลหายช้าลง หรือเป็นรอยแผลเป็นได้ง่ายขึ้น”

พ.ญ.เสาวภาคย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการดูแลผิวด้วยวิธีธรรมชาติก็เช่น การหลบเลี่ยงแสงแดดที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย ใส่หมวกปีกกว้างเวลาออกแดด งดการสูบบุหรี่ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจนอย่างรวดเร็ว และควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดทุกครั้งอย่างน้อยเป็นเวลา 30 นาที

โดยเลือกครีมกันแดดที่มี SPF60 ขึ้นไป และมี PA+++ จะกันได้ทั้งยูวีเอและยูวีบี เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัย และเลือกใช้ครีมในกลุ่มเรตินอล (Retinol) ซึ่งช่วยลดริ้วรอยเล็กๆได้ แต่ถ้าต้องความรวดเร็ว อาจปรึกษาแพทย์เพื่อทำการฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ลดริ้วรอย หรือฉีด skin booster เพื่อบำรุงผิวได้ จะเห็นผลได้ชัดเจนและรวดเร็วกว่าวิธีอื่น

“สำหรับวิธีเช็คผิวของเราว่าเป็นผิวแบบไหนนั้น ให้สังเกตหลังจากล้างหน้าแล้วโดยไม่ต้องทาครีมใดๆ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที ลักษณะผิวของเราเป็นอย่างไร หากไม่มีความมันเลย น่าจะเป็นผิวแห้ง ถ้ามันแค่หน้าผากจมูกคางเป็นผิวมันที-โซน (T-Zone) แต่ถ้ามันทั้งหน้าเป็นผิวมัน สำหรับผิวแห้งให้เลือกทาครีมที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเกิดริ้วรอยก่อนวัย ผิวมันเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมัน เนื้อครีมไม่เหนอะหนะ

ส่วนผิวแพ้ง่ายต้องเลือกใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบที่อ่อนโยนเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายทั้งนี้ผู้ชายและผู้หญิงมีวิธีดูแลรักษาผิวโดยพื้นฐานแล้วไม่แตกต่างกัน แต่ผู้ชายที่ชอบกีฬากลางแจ้งอาจจำเป็นที่จะต้องดูแลรักษาผิวเป็นพิเศษมากกว่าผู้หญิง เช่น ต้องเข้มงวดในการทาครีมกันแดดมากกว่า ถ้าเป็นไปได้ให้ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เนื่องจากครีมกันแดดอาจหลุดไปตามเหงื่อไคลที่ออกมา ทำให้ประสิทธิภาพในการกันแดดลดลง”

แพทย์ด้านผิวพรรณและความงาม กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางด้านปัญหาสภาพผิวในประเทศเขตร้อนอย่างบ้านเราที่พบบ่อยย่อมหนีไม่พ้นปัญหาที่เกิดจากแสงแดด ได้แก่ 1.สิว เนื่องจากอากาศร้อนทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเป็นจำนวนมาก และไม่สามารถระบายน้ำมันออกไปได้ทัน เมื่อมีแบ็คทีเรียเข้าไปจะทำให้เกิดปัญหาสิวตามมาได้ 2.ฝ้า ตัวกระตุ้นที่สำคัญในการเกิดฝ้าก็คือ แสงแดดและความร้อน

ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากในบ้านเราค่ะ 3.กระ เช่นเดียวกับฝ้า คือมีแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดขึ้นและหลีกเลี่ยงค่อนข้างยาก อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีเทคโนโลยี และยาต่างๆ ที่ช่วยรักษาปัญหาผิวทั้ง 3 อย่างให้หายหรือทุเลาลงได้มาก สำหรับคนที่มีปัญหาที่กล่าวมาลองปรึกษาแพทย์ดูได้

สำหรับผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ด็อกเตอร์เกรซคลินิก โทร 092-278-9841 หรือ 0-2319-0315 Facebook : Doctorgrace Clinic, Line : dr.graceclinic หรือ Instargram : Doctorgrace_clinic