สค. ขับเคลื่อนการพัฒนางานศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว

วันนี้ (30 มีนาคม 2560) เวลา 09.09 น. นายวิศิษฐ์ เดชเสน รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดบ้านศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว จังหวัดเชียงราย ตลอดจนเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพในชุมชนและผลิตภัณฑ์ผ้าด้านมือ “เปิงเปียณ” และมอบประกาศนียบัตร/วุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จการฝึกอบรมวิชาชีพ รุ่นที่ 1/2560 และผู้สำเร็จการฝึกอบรมโครงการสร้างชีวิตใหม่ให้สตรีและครอบครัว จำนวน 300 คน ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและสถาบันครอบครัว จังหวัดเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 10 หมู่ที่ 10 ตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย

   

   

   

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวจังหวัดเชียงราย เป็นหน่วยงานที่ให้การฝึกอบรมอาชีพให้แก่เด็กและสตรีซึ่งเสี่ยงต่อการถูกแสวงหาผลประโยชน์ไปในทางที่ไม่เหมาะสม และเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ อันเนื่องมาจากความยากจน การขาดโอกาสทางการศึกษา หรือประสบปัญหาสังคมต่าง ๆ ใน 5 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย แพร่ น่าน พะเยา และอุตรดิตถ์

ซึ่งหน่วยงานนี้ช่วยป้องกันปัญหาการค้าประเวณี/การค้ามนุษย์ในพื้นที่ได้ โดยการฝึกอาชีพให้ผู้ใช้บริการมีงานทำ สามารถพึ่งตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี และสตรีที่ผ่านการยกระดับวิชาชีพ มีความรู้มีช่องทางในการทำงานที่เหมาะสมกับรายได้ในการดำเนินชีวิตอย่างมั่นคง มีโอกาสเข้ารับราชการในกลุ่มงานเทคนิค มีโอกาสได้พัฒนาเป็นหัวหน้างาน มีโอกาสได้รับการศึกษาต่อในระดับปริญญา ตลอดจนการส่งเสริมสถานภาพ คุณค่าบทบาทสตรีให้สูงขึ้น และระหว่างที่ผู้รับการฝึกอบรมอยู่ในศูนย์ฯ นี้ จะได้รับการคุ้มครอง พิทักษ์สิทธิ และป้องกันปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ความรุนแรงในครอบครัว

และปัญหาการค้ามนุษย์ (กฎหมาย 3 ฉบับ) คือ การแก้ไขและป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 วิธีป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็ก ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 สิทธิ บทบาทหญิงและชาย และสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัว ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำว่าด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 การป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์และสุขภาพทางเพศผ่านโครงการต่าง ๆ ระหว่างการฝึกอบรมอาชีพ

   

นายวิศิษฐ์ กล่าวต่อไปว่า การลงพื้นที่มาจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสในการเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพของชุมชน และเข้าร่วมการประชุมสัญจรแนวทางการดำเนินงานด้านสตรีและครอบครัวของศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและสถาบันครอบครัว ครั้งที่ 2/2560 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มีนาคม – 1 เมษายน 2560 เพื่อให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สค.ส่วนกลางได้เรียนรู้การดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวทั้ง 8 ศูนย์ในสังกัด สค. (ส่วนภูมิภาค 8 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ศรีสะเกษ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ชลบุรี สงขลา และนนทบุรี) ตลอดจนเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อหาแนวทางในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ของ สค. เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ

และเป็นการเปิดโอกาสให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สค. ส่วนภูมิภาคได้พบปะสร้างความคุ้นเคยเพื่อการประสานความร่วมมือที่ดีต่อกันและได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานต่อไปภายหลังการปฏิรูปโครงสร้างกระทรวง พม.

ทั้งนี้ ในวันที่ 31 มีนาคม 2560 คณะทูตด้านเด็กและสตรี ประเทศออสเตรเลีย ได้ให้ความสนใจเดินทางเข้าเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ผ้าด้านมือ “เปิงเปียณ” และการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวจังหวัดเชียงราย ซึ่งเปิดฝึกอบรมอาชีพหลักสูตรต่างๆ ได้แก่ หลักสูตร 6 เดือน หลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุและเด็กเล็ก (บริบาล) หลักสูตรโรงแรม หลักสูตรการจัดการสำนักงาน หลักสูตรโภชนาการ หลักสูตรการตัดเย็บเสื้อผ้า

และหลักสูตรเสริมสวยสตรี นอกจากนี้ยังเปิดอบรมหลักสูตรระยะสั้น ได้แก่ หลักสูตรผู้ช่วยแพทย์แผนไทย หลักสูตรสักคิ้วสามมิติ หลักสูตรนวดสปา หลักสูตรการทำขนมไทย หลักสูตรผลิตภัณฑ์จากผ้าด้นมือ (แฮนด์เมด) หลักสูตรคลีนิคผ้า (ซ่อมแซมเสื้อผ้า) หลักสูตรนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพ และหลักสูตรนวดเท้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีแนวทางและทิศทางการดำเนินงานในการพัฒนาศักยภาพกลุ่มสตรีเป้าหมายให้สามารถพึ่งตนเองได้ โดยการฝึกอบรมวิชาชีพ

พร้อมทั้งส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างอบรมและภายหลังจบ ควบคู่ไปกับการสงเคราะห์คุ้มครองสวัสดิภาพ และพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนารูปแบบและวิธีการดำเนินงานให้ได้มาตรฐาน การจัดบริการสวัสดิการสังคมแก่สตรีในศูนย์ฯ และมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคม ขององค์การสวัสดิการสังคม ตลอดจนการบูรณาการการทำงานกับเครือข่ายซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อประโยชน์สูงสุดของกลุ่มเป้าหมาย นายวิศิษฐ์กล่าวในตอนท้าย