“กรมการค้าภายใน” จัดงาน “Village To Town” นำสินค้าหมู่บ้านทำมาค้าขาย ตลาดต้องชม ขายคนกรุง-นักท่องเที่ยว
กรมการค้าภายใน จัดงาน “Village To Town”นำสินค้าดี เด่น ดัง จากหมู่บ้านทำมาค้าขาย และตลาดต้องชม รวม 24 แห่ง มาจัดแสดงและจำหน่ายให้กับชาวกรุงและนักท่องเที่ยว วันที่ 30 พ.ค. ถึง 5 มิ.ย.นี้ ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า พร้อมดึงธุรกิจชื่อดังมาเจรจาจับคู่ธุรกิจ คาดยอดซื้อขายไม่ต่ำกว่า 24 ล้านบาท
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้กำหนดจัดงาน “Village To Town” นำสินค้าเด่นจากวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการท้องถิ่น จากหมู่บ้านทำมาค้าขายและตลาดต้องชมกว่า 24 แห่ง มาจัดแสดงและจำหน่ายให้กับชาวกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยว ที่ลานโปรโมชั่น ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม – 5 มิถุนายน 2566 เพื่อช่วยเปิดตัวสินค้าจากหมู่บ้านทำมาค้าขายและตลาดต้องชมให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
![]()
![]()
![]()
![]()
สำหรับสินค้าและผลิตภัณฑ์เด่นที่นำมาจัดแสดงและจำหน่าย เช่น กลุ่มหัตถศิลป์ล้านนาวัดศรีสุพรรณ กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำมือบ้านจงเจริญ ผ้าทอกะเหรี่ยงชุมชนหล่ายแก้ว ดอยเต่า กลุ่มหัตถกรรมผ้าไหมบ้านดู่ กลุ่มทอผ้าย้อมสีธรรมชาติหนองบัวแดง กลุ่มทอผ้าไหมผ้าฝ้ายบ้านห้วยทราย กลุ่มทอผ้าฝ้ายย้อมครามบ้านสงเปลือย กลุ่มทอผ้าบ้านตรอกแค กลุ่มปันหยาบาติก กลุ่มหัตถศิลป์พื้นบ้านปากบารา กลุ่มผลิตภัณฑ์เตยปาหนันบ้านดุหุน กลุ่มหัตถกรรมผักตบชวาบางเลน กลุ่มหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี ชุมชนนาต้นจั่น กลุ่มหัตกรรมสันนาปูเลย กลุ่มเกษตรกรบ้านนาป่าหนาด กลุ่มจักสานกระจูดระยอง และกลุ่ม ชุมชนหลัง วค. จันทรเกษม เป็นต้น
![]()
ทั้งนี้ นอกจากการนำสินค้ามาจัดแสดงและจำหน่ายแล้ว กรมฯ ยังได้จัดให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างวิสาหกิจชุมชนกับธุรกิจที่มีชื่อเสียง ได้แก่ บริษัท ไข่หวานบ้านซูชิ กลุ่มบริษัทดุสิตธานี บริษัทซีพีแรม บริษัท ไทยเวียตเจ็ท แอร์ บริษัทคุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันชีวิต บริษัทคาโอ บริษัทกาแฟพันธุ์ไทย เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายมูลค่าการเจรจาธุรกิจประมาณ 24 ล้านบาท
โครงการหมู่บ้านทำมาค้าขาย และตลาดต้องชม เป็นหนึ่งในภารกิจหลักของกรมฯ ที่ต้องการสนับสนุนคนในชุมชนพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน มีสถานที่ทำมาค้าขาย สามารถยกระดับมาตรฐานสินค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ นำรายได้กลับสู่ชุมชน พร้อมผลักดันผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนให้เกิดการต่อยอดเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจในประเทศที่มีศักยภาพสูง เพื่อให้เกิดการพัฒนาสินค้าสู่การเจรจาซื้อขายได้ในอนาคต โดยในปี 2566 ได้ตั้งเป้าส่งเสริมหมู่บ้านทำมาค้าขายแห่งใหม่ จำนวน 12 แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมหมู่บ้านทำมาค้าขาย รวมทั้งสิ้น 42 แห่ง และส่งเสริมตลาดต้องชมแห่งใหม่ 12 แห่ง ปัจจุบันมีทั้งหมด 250 แห่ง จึงขอเชิญชวนประชาชนมาท่องเที่ยวหมู่บ้านทำมาค้าขาย และท่องเที่ยวในตลาดต้องชมที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโต และกระจายรายได้สู่ชุมชน![]()