วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 27, 2025
Update Newsกระทรวงวัฒนธรรมสังคมสังคม/CSR

“รมว.ซาบีดา” เปิดเวทีประชุมคณะมนตรี MRC ครั้งที่ 32 ชู “ร่างปฏิญญากรุงเทพฯ” สู่การประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 5

ผู้ช่วย รมต. รัชดาหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และผู้แทนจากประเทศสมาชิก MRC ร่วมประชุมคณะมนตรีและประชุมร่วมกับหุ้นส่วนการพัฒนา เพื่อพิจารณาแผนกลยุทธ์ MRC ค.ศ. 2026 – 2030 เพื่อวางก้าวต่อไปในการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน และเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำ MRC ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ

วันนี้ (26 พฤศจิกายน 2568) นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 32 และการประชุมระหว่างคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกับหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 30 โดยการประชุมครั้งนี้ นายภราดร  ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ ดร. รัชดา ธนาดิเรก  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมี นายจันทะเนด บัวละพา
รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกสิกรรมและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะผู้แทน สปป. ลาว ดร. โว วัน ฮุง รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนาม เข้าร่วมประชุม ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียน รีสอร์ทเชียงราย จังหวัดเชียงราย และนายโส โส-พด เป็นผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำและอุตุนิยมวิทยา หัวหน้าคณะผู้แทนกัมพูชา เข้าร่วมประชุมทางออนไลน์ ในการนี้ นายชูชีพ พงษ์ชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม พร้อมด้วยนางพัชรวีร์  สุวรรณิก รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) คณะผู้แทนจาก 4 ประเทศสมาชิก ผู้แทนกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนา ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ เข้าร่วมการประชุม

นางสาวซาบีดา เปิดเผยว่า ปี พ.ศ. 2568 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) เนื่องจากเป็นปีแห่งการบรรลุความสำเร็จของแผนกลยุทธ์ MRC ค.ศ. 2021 – 2025 อย่างสมบูรณ์ และเป็นโอกาสครบรอบ 30 ปีของการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2538 ซึ่งตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ทั้ง 4 ประเทศสมาชิก ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของลุ่มน้ำโขง รวมถึงการดำเนินมาตรการเพื่อคุ้มครองและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อีกทั้ง ยังได้รับความร่วมมืออันแน่นแฟ้นกับหุ้นส่วนการพัฒนาและพันธมิตร เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ในปีสำคัญเช่นนี้ จึงถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ประเทศไทยได้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะมนตรี MRC  ครั้งที่ 32 ที่มีวาระสำคัญเพื่อพิจารณาอนุมัติแผนกลยุทธ์ MRC ค.ศ. 2026 – 2030 (พ.ศ. 2569 – 2573) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญก้าวต่อไปในการกำหนดทิศทางการดำเนินงานของ MRC ตลอดจนเตรียมความพร้อมสู่บทบาทที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นหลังปี พ.ศ. 2573 “โดยประเทศไทยได้เน้นย้ำการหลีกเลี่ยงการพัฒนาที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต ทั้งยังผลักดันให้มีความร่วมมือด้านการดูแลคุณภาพน้ำให้เข้มแข็งขึ้นในลุ่มน้ำโขงเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน”

วาระที่สำคัญอีกวาระหนึ่งได้แก่ การพิจารณา ร่างปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) ซึ่งจะเป็นเอกสารผลลัพธ์ที่ผู้นำจะประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน ในการที่จะใช้ประโยชน์จากน้ำโขงเพื่อการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการปกป้อง อนุรักษ์ รักษาไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมความเข้มแข็งและเติบโตของประชาชนในลุ่มน้ำโขง โดยมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของความร่วมมือ พันธมิตร และความมั่งคั่ง ท่ามกลางความท้าทายในภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 5 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างผู้นำประเทศสมาชิก MRC ที่มีกำหนดจัดขึ้นทุก 4 ปี ซึ่งผู้นำจากทั้ง 4 ประเทศ จะได้ร่วมลงนามรับรองปฏิญญา อันเป็นนโยบายและทิศทางการบริหารจัดการและพัฒนาลุ่มน้ำโขงตอนล่างต่อไป

ทั้งนี้ เนื่องด้วยปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่ใกล้ครบรอบวาระการดำเนินงานในฐานะประธานคณะมนตรี MRC ปี พ.ศ. 2568 แล้ว จึงมีความยินดีที่จะส่งมอบตำแหน่งประธานคณะมนตรี MRC ให้ นายจัน ดึ้ก แทง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อม ประเทศเวียดนาม ดำรงตำแหน่งในปี พ.ศ. 2569 เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงาน สืบสานเจตนารมณ์ในการสร้างความยั่งยืนในลุ่มน้ำโขงต่อไป

ด้าน ดร. รัชดา ได้กล่าวถ้อยแถลงหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในนามรัฐบาลไทย โดยได้เน้นย้ำแนวทางสำคัญสำหรับการพัฒนาแผนกลยุทธ์ MRC ฉบับใหม่ ได้แก่ 1) เน้นการจัดการลุ่มน้ำแบบปรับตัว ระหว่างประเทศสมาชิกและพันธมิตร โดยมุ่งเสริมกลไกความร่วมมือข้ามพรมแดนในการแก้ไขปัญหาระดับลุ่มน้ำ 2) ปรับปรุงการติดตามและจัดการคุณภาพน้ำ ทั้งแม่น้ำโขงสายหลักและแม่น้ำสาขาข้ามพรมแดน เพื่อรักษาระบบนิเวศและความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่น 3) พัฒนาพลังงานน้ำอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนแนวทางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม หลีกเลี่ยงผลกระทบข้ามพรมแดน

4) สอดคล้องกับปฏิญญากรุงเทพฯ โดยเฉพาะด้านการเสริมสร้างความร่วมมือ โปร่งใส และเสริมสร้างความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ 5) ส่งเสริมความยืดหยุ่นของชุมชนในลุ่มน้ำโขง ในการรับมือภัยพิบัติและความท้าทายด้านน้ำที่เกิดขึ้นใหม่ และขอยืนยันว่าประเทศไทยมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานใกล้ชิดกับทุกประเทศสมาชิก สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) หุ้นส่วนการพัฒนา ไปจนถึงพันธมิตรต่าง ๆ ในการเสริมสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็ง ยืดหยุ่น และยั่งยืน เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทุกคนในลุ่มน้ำโขง