ไทย – สปป.ลาว บรรลุผลเจรจา เร่งปรับสถานภาพแรงงานก่อนสิ้นเดือนมิย.นี้

“รัฐมนตรีแรงงาน” เผย ไทย - สปป.ลาว บรรลุผลเจรจากระชับความร่วมมือแน่นแฟ้น เห็นพ้องร่วมกันเร่งรัดดำเนินการปรับสถานภาพแรงงานให้แล้วเสร็จก่อน 30 มิ.ย.61 เพิ่มศูนย์แรกรับและสิ้นสุดการจ้าง จ.มุกดาหาร เป็นสถานที่ปรับสถานภาพแรงงานลาว พร้อมเปิดดำเนินการเดือนพฤษภาคมนี้


พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงผลการหารือข้อราชการกับนายคำแพง ไซสมแพง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการแห่ง สปป.ลาว โดยมี นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน เข้าร่วมการเจาจาในครั้งนี้ด้วย ณ โรงแรมลาว พลาซ่า เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า สาระสำคัญจากการหารือในครั้งนี้ ทางการลาวขอให้ไทยส่งข้อมูลแรงงานลาวที่ยังดำเนินการปรับสถานภาพไม่แล้วเสร็จ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการวางแผนการดำเนินการให้ทันกำหนดเวลา และขอเชื่อมโยงข้อมูลของแรงงานลาวที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งไทยยินดีส่งข้อมูลแรงงานให้ สปป.ลาว และจะพยายามให้แรงงานลาวได้เข้าไปปรับสถานภาพโดยเร็ว

   



ซึ่งแต่ละศูนย์จะสามารถดำเนินการได้ 500 คนต่อวัน นอกจากนี้ ได้ขอให้แรงงานลาวที่อยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดินทางกลับไปดำเนินการฝั่งลาว ตลอดจนได้จัดรถโมบายเคลื่อนที่ไปยังจังหวัดที่มีศูนย์กลางของแรงงานจำนวนมากด้วย เช่น ขอนแก่น เป็นต้น

พล.ต.อ.อดุลย์ฯ กล่าวต่อว่า ฝ่ายไทยยินดีประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางเพื่อให้นายจ้างและแรงงานได้มาลงทะเบียนและปรับสถานภาพภายในเวลากำหนด และขอให้ทางการลาวได้ประชาสัมพันธ์ให้แรงงานและครอบครัวของแรงงานที่ทำงานในประเทศไทยเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จทันกำหนด 

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนสถานที่ให้จัดตั้งศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง จ.มุกดาหาร เพื่อให้เกิดกลไกความร่วมมือนำแรงงานเข้าสู่กระบวนการปรับสถานภาพโดยเร็ว ขณะนี้มีความพร้อมและสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ สำหรับการขอวีซ่า Non – Immigrant L-A ณ สถานกงสุลใหญ่ แขวงสะหวันนะเขตของแรงงานลาว สามารถดำเนินการโดยแรงงานลาวมอบหมายผู้แทนไปดำเนินการแทนได้เช่นเดียวกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ นครเวียงจันทร์ 

ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นชอบที่จะจัดการประชุมทางวิชาการร่วมกัน โดยทางการลาวจะเป็นเจ้าภาพในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ และเป็นโอกาสที่ดีในการขยายความร่วมมือด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการจ้างแรงงานให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นต่อไป
 

“ขอฝากถึงนายจ้างและผู้ประกอบการที่มีลูกจ้างต่างด้าวทั้ง 3 สัญชาติ ให้เร่งไปจัดทำทะเบียนประวัติให้แล้วเสร็จภายใน 31 มีนาคม 2561 นี้ ซึ่งจะไม่มีการขยายเวลาอีกต่อไป” พล.ต.อ.อดุลย์ฯ กล่าวในท้ายสุด