หลงเสน่ห์ อาหารพื้นถิ่น ชุมชนวิถี ….สตูล (ตอน 2)

เช้าวันใหม่ ชุดพร้อม กายพร้อม วันนี้กิจกรรมค่อนข้างเต็มวัน เริ่มกันด้วย ไปชมวิถีชุมชนชาวเลบ้านบากันใหญ่ แต่ก่อนจะเข้าไป มีโอกาสได้แวะเกาะหอขาว แต่ก่อนจะไปจุดนั้น พี่ๆ ก็พาเราไปเก็บหอยกันก่อน วิธีเก็บหอยที่เราอธิบายเอาไว้ในตอนแรก 




เกาะหอขาว





เกาะหอขาว ต.เกาะสาหร่าย แหล่งท่องเที่ยวที่น่ามหัศจรรย์อีกหนึ่งแห่ง เป็นเกาะที่เกิดจากซากเปลือกหอยสีขาวนับยี่สิบชนิดที่ทับถมกันบนเนื้อที่ราว 20 ไร่ ทั่วทั้งเกาะปกคลุมไปด้วยเปลือกหอยกองรวมกันจนคล้ายกับภูเขาขนาดย่อมโผล่พ้นน้ำกลายเป็นเกาะหอขาวขึ้นมา เกาะมีลักษณะแนวยาวโค้ง พบพืช จำพวกต้นไม้พุ่มเตี้ย และผักบุ้งทะเลขึ้นอยู่บ้าง แต่ไม่มีต้นไม้ใหญ่



พี่ไกด์พาเราแวะถ่ายภาพกันสักพัก ระดับน้ำก็ทำให้เราต้องเดินทางกันต่อ การมาเที่ยวที่สตูล สิ่งสำคัญคือเรื่องของดินฟ้าอากาศ ก่อนเดินทางส่วนใหญ่จึงต้องพึ่งคนพื้นถิ่นเพื่อนำเที่ยว ที่นี่ชุมชนค่อนข้างเข้มแข็ง ไม่ว่าจะติดต่อผ่านบริษัททัวร์อะไรเข้ามา หรือจะติดต่อเข้ามายังที่นี่แบบส่วนตัว ก็ส่งมาให้วิสาหกิจชุมชนพาเที่ยวต่อ





บ้านบากันใหญ่





ถัดมาเป็นการเยี่ยมชมวิถีชุมชนชาวเลบ้านบากันใหญ่นั่งเรือชมสันหลังมังกร หลังจากแวะชมเกาะหอขาวที่งามบริสุทธิ์กันแล้ว พี่ไกด์พาเรานั่งเรือมายังบ้านบากันใหญ่ ที่นี่เราต้องนั่งรถซาเล้งที่มีบรรดาสาวๆ มุสลิมมานั่งประจำที่จับแฮนด์เตรียมบิดรอนักท่องเที่ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่ชุมชนบากันใหญ่ นอกจากจะมีจุดแวะชมสันหลังมังกรแดง ตรงนี้ก็ต้องขึ้นกับเวลา ซึ่งหากพลาดนิดเดียว น้ำทะเลจะขึ้นจนมองไม่เห็นกันเลยทีเดียว







สันหลังมังกรหรือทะเลแหวกสันหลังมังกร เป็นสิ่งมหัศจรรย์กลางทะเลอันดามัน ในยามน้ำทะเลลดลงจะดูเหมือนกระแสน้ำหลีกทางให้สันทรายโผล่ขึ้นมา ซึ่งเป็นสันทรายที่เต็มไปด้วยซากเปลือกหอยนับหลายล้านตัวทับถมกัน ทำให้เกิดเป็นเส้นทางคดเคี้ยวยาวกว่า 3 กิโลเมตรสามารถเชื่อมไปยังอีกเกาะหนึ่งได้ หรือเปรียบเสมือนกับมังกรฟ้าลงเล่นน้ำทำให้นักท่องเที่ยวได้เดินบนสันหลังมังกรที่เคลื่อนไหวอย่างสวยงาม



 

มะ เริ่มปรุงอาหารรสเลิศคอยท่าผู้มาเยือน ชุมชนแห่งนี้มีโฮมสเตย์เล็กๆ หันหน้าสู่ทะเล มีเพียงไม่กี่หลัง มีมุมสำหรับเสริฟอาหารและจัดเตรียมอาหารสำหรับมากันหลายๆ คน





มื้อนี้ แกงปูส่งทั้งกลิ่นและรูปสีเหลืองสวยงาม รสชาติก็ไม่เผ็ดร้อนจนปากเจ่อ สามารถทานได้ไม่ยากเย็น และที่สำคัญ เสริฟทั้งปู กุ้ง หอย ปลา วางเรียงเต็มถาดขนาดใหญ่ และแกงปูกะทิที่เพิ่งทำมาเสร็จหมาดๆ แถมด้วยน้ำพริกหลนฝีมือจัดจ้านนัก น้ำจิ้มซีฟู้ดก็รสเด็ดจนต้องขอเพิ่ม มื้อกลางวันบนบ้านบากันใหญ่ จึงถือเป็นไฮไลท์ที่ทำเอาผู้ร่วมเดินทาง ต่างจัดเต็ม.... คุ้มจริงๆ

 













.....ผอ.ปทิตตา ตันติเวชกุล ผอ.กองเผยแพร่ความรู้ด้านการท่องเที่ยว ททท.บอกกับเราว่า  “จากที่ได้มานำร่องที่จังหวัดสตูล จะสัมผัสได้เลยว่า สตูลมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย ทั้งทางด้านทรัพยากรธรรมชาติที่งดงามจนติดมรดกโลกและมีชุมชนวิถีที่เข้มแข็งมาก การอยู่ร่วมกันของชุมชนที่อบอุ่น มีความเงียบสงบของเมือง มีวิถีชุมชนที่น่าสนใจน่าเข้ามาสัมผัส สตูลไม่ใช่มีแค่ทะเล ไม่ใช่มีแค่หลีเป๊ะ หรือตะรูเตา แต่มีชุมชนวิถีที่แข็งแกร่งและอบอุ่น มีอาหารพื้นถิ่นที่อร่อย  มีการจัดการโดยวิสาหกิจชุมชนที่พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้มและอัธยาศัยไมตรี



ปัจจุบันจะมีพี่น้องมุสลิมที่จบมาทั้งระดับดอกเตอร์ ปริญญาตรีและหลากหลายสาขาวิชาชีพที่เรียนจบจากกรุงเทพฯ บ้าง ต่างประเทศบ้านแต่กลับไปหาบ้านเกิด กลับไปพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง ซึ่งน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาน่าจะซึมซับความสามัคคีนี้เข้าไปในตัวพวกเราด้วย และจะทำให้มีความเข้าใจเพื่อนชาวมุสลิมมากขึ้น”

... นั่นซี วันนี้ “น้องไก่” ที่ขับซาเล้งให้เราเข้าไปยังบากันใหญ่ คือน้องที่จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯ แต่เธอตัดสินใจกลับบ้านเกิด เพื่อเข้ามาพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้กับชุมชน

สิ่งหนึ่งที่น่ารักมากเมื่อเราแสร้งถามว่า จะกลับไปทำงานกรุงเทพฯมั๊ย เธอส่ายหน้าทันที



.....ถ้อยคำแต่ละคำที่บอกเล่าเรื่องราวระหว่างการเดินทาง ทำให้สัมผัสได้ถึงความภาคภูมิในบ้านเกิด อย่างนี้แล้ว ชุมชนบากันใหญ่ น่าจะรอดพ้นจากการเข้ามาของกลุ่มทุนไปอีกนานแสนนาน ...ขอเอาใจช่วยนะ...

... ฉันโบกมือบ๊ายบาย...สลับกับยกมือขึ้นหวัดดีทั้งมะ..ทั้งก๊ะ และพี่น้องบากันใหญ่ทุกคนที่เข้ามาต้อนรับ พร้อมกับบอกกับตัวเองว่า .....วันหนึ่งจะกลับมาใหม่ จะเข้ามาสัมผัสชุมชนวิถีที่นี่อย่างลึกซึ้งอีกครั้ง ...



(อ่านต่อตอนจบ)