อดีตนายกฯ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ให้ข้อคิดเส้นทางสู่ความสำเร็จแก่ นศ.ใหม่ ม.กรุงเทพธนบุรี

“สิ่งที่ทำให้คนเรามีชีวิตที่ดีและประสบความสำเร็จคือ การมีความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ” 
 

นี่คือหลักแห่งการสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จ ของ นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของเมืองไทย นาม “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่แนะนำให้กับนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 2561 ทั้ง 15 คณะ แห่งมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ในโอกาสที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธีโชว์ผลงานทางวิชาการของ 15 คณะ พร้อมเล่าชีวิตการทำงานบนเส้นทางการเมืองและบรรยายเรื่องสร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษา ณ อาคารชาญชัย อเคเดียม มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ภายใต้การบริหารงานของ “ผศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดี” และ “ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง” รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา




คุณมาร์ค อภิสิทธิ์ นับเป็นบุคคลที่เริ่มต้นบนเส้นทางการเมืองได้เร็วกว่านักการเมืองอีกหลาย ๆ คน เพราะในปัจจุบันนี้ด้วยของเขาวัย 54 ปี อาจเป็นวัยเริ่มต้นบนเส้นทางการเมืองของใคร ๆ แต่สำหรับเขาแล้วนับถึงวันนี้อยู่ในสนามการเมืองมาแล้วถึง 26 ปี ด้วยกัน โดยเริ่มต้นได้รับการคัดเลือกเป็นสภาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ ปี 2535 ขณะนั้นอายุ 27 ปี นับว่าเป็น ส.ส.ที่อายุน้อยที่สุดในขณะนั้น ถือว่า เป็นนักการเมืองพันธุ์ใหม่ที่มีสติปัญญา วุฒิภาวะอารมณ์ และมีคุณธรรม
 

ในปีเดียวกันได้ดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล นายกฯ ชวน หลีกภัย (หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) ปี 2540 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปี 2548 ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และสร้างประวัติศาสตร์ในการก้าวสู่ทำเนียบนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของไทยในปี 2551 ด้วยวัยเพียง 44 ปี ถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีไทยที่อายุน้อยในขณะนั้น โดยดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ 2 ปี กับ 231 วัน คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในห้วงวิกฤตการณ์การเงินโลก และความตึงเครียดทางด้านการเมืองในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าเป็นงานที่ท้าทายความสามารถเป็นอย่างมาก 


ผลงานสำคัญทางด้านการศึกษาของคุณอภิสิทธิ์คือ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ได้จัดทำพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับแรกของไทย ที่ดำเนินการจัดทำจนสำเร็จในช่วงเวลาที่คุณอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่ง


ทั้งนี้เพื่อเป็นการมอบสิทธิแก่เยาวชนไทยในการได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี ที่รัฐบาลจะต้องจัดให้ทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มาตรา 43 โดยอภิสิทธิ์มีบทบาทดูแลทั้งด้านนโยบาย หลักการและรายละเอียด รวมทั้งผลักดันให้ผ่านคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา เป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษา ของสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา และได้ดูแลจนกระทั่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรับรองและประเมินคุณภาพการศึกษาประกาศใช้
 

 

สำหรับความโดดเด่นของคุณอภิสิทธิ์ที่เป็นแบบอย่างในการสร้างแรงบันดาลใจและนำไปสู่ความสำเร็จ พอจะสรุปได้ดังนี้ 1.เป็นคนที่ปฏิภาณไหวพริบเฉียบไว 2.มีการลำดับเหตุผลที่ดี และสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างเป็นระบบ 3.มีวาทะศิลป์หรือมีศิลปะในการพูดที่จัดอยู่ในขั้นเก่ง คม ชัด ลึก


4.มีหลักการที่มีจุดยืนและเอนเอียง 5.มีความรู้รอบตัวที่หลากหลาย 6.มีสภาวะการเป็นผู้นำที่ดี โดยเฉพาะในแง่ของการเป็นนักคิดและนักตัดสินใจที่มีความเด็ดขาด  7.เป็นนักฟังที่ดี รู้จักเลือกว่าฟังใครแล้วจะนำความคิดนั้นมาใช้หรือไม่ อย่างไร
 

นอกจากนี้คุณอภิสิทธิ์ยังได้ย้ำให้กับนักศึกษาใหม่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ว่า สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดในการที่จะทำให้คนเราประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะในหน้าที่การวานหรือในชีวิตทั่วไปคือ การมีคุณธรรมคือ การรู้จักผิดชอบชั่วดี และ จริยธรรมคือ การแสดงออกซึ่งการมีคุณธรรมในใจ โดยเฉพาะเรื่อง“ความซื่อสัตย์สุจริต” อันเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ 

ซึ่งจะนำให้สังคมเรามีความปกติสุขและนำไปสู่จุดหมายที่ประสบความสำเร็จ อยากให้ทุกคนได้นำมาเป็นเครื่องนำทางหรือเป็นแรงบันดาลใจไปสู่วิถีแห่งความสำเร็จผล 
 

ซึ่งมีความสอดคล้องกับพันธกิจของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีคือ ผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ ความสามารถพร้อมด้วยคุณธรรมและจิตสำนึกที่ดีงาม ตามปรัชญาคือ “สร้างปัญญา พัฒนาคน ฝึกฝนคุณธรรม”