“พ.ญ.เสาวภาคย์” แนะนำสวยปลอดภัยก่อนใช้สาร“ฟิลเลอร์”

ใบหน้าที่เคยดูอิ่ม ผิวเต่งตึง สวยอ่อนวัยอยู่เสมอ ครั้นเมื่ออายุมากขึ้นใบหน้าก็เริ่มเหี่ยวย่นเกิดริ้วรอย เนื่องจากไขมันเริ่มสลายไปบางส่วน ผิวจึงยุบตัวลง ทำให้แก้มตอบ หน้าผากคางบุ๋ม ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยร่องลึก ซึ่งในปัจจุบันวิธีแก้ปัญหายอดฮิตที่นิยมอย่างมากนั่นคือ การเติมเต็มด้วยสาร “ไฮยาลูโรนิกแอซิด” (hyaluronic acid) หรือ HA เพื่อเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก แก้ไขปัญหาความร่วงโรยบนใบหน้า ก่อนที่จะตัดสินใจไปแก้ปัญหาด้วยวิธีดังกล่าว หมอเกรซ-พ.ญ.เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร แพทย์ผิวพรรณและความงาม ด้านการออกแบบปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรมแห่ง Doctorgrace Clinic ได้ให้คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย




พ.ญ.เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร แพทย์ด้านผิวพรรณและความงาม Doctorgrace Clinic กล่าวว่า ก่อนอื่นมารู้จักคำว่า ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นคำเรียกสารเติมเต็มทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสารอะไรหากนำมาฉีดเพื่อการเติมเต็มเราเรียกว่าฟิลเลอร์ทั้งนั้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นไฮยาลูโรนิกเอซิดที่ฉีดกันตามคลินิก หรือการฉีดไขมัน เราเรียกว่าฟิลเลอร์ทั้งคู่ แต่ฟิลเลอร์ที่แพทย์ฉีดให้ในคลินิก  สำหรับสารไฮยารูโรนิก แอซิต จะช่วยในการกักเก็บน้ำของชั้นใต้ผิวที่ได้รับการแก้ไข เติมเต็มช่องว่างให้กับเซลล์ผิวหนัง ให้ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึงขึ้น ผิวเรียบเสมอกันปราศจากริ้วรอยเหี่ยวย่น ใบหน้าดูเด็กลงได้ชัดเจน และ จะสลายตัวไปได้เองตามธรรมชาติ

ทั้งนี้สารเติมเต็มที่ใช้ในนั้น  มี 3 แบบ คือ

 1.แบบช่วยคราว (Temporary Filler) เป็นสารเติมเต็มที่มีอายุการใช้งานโดยประมาณ 4-6 เดือน มีความปลอดภัยค่อนข้างสูงและยังสลายตัวได้เองตามธรรมชาติทำให้เป็นที่นิยมในการใช้มากที่สุด

2.แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler) เป็นสารเติมเต็มที่มีอายุยาวนานประมาณ 2 ปี มีความปลอดภัยปานกลางแต่ได้มีการยกเลิกการรับรองจากทาง อย.แล้วในปัจจุบันนี้

3.แบบถาวร (Permanent Filler)เป็นสารเติมเต็มจำพวก ซิลิโคน หรือ พาราฟิน หลังจากฉีดไปแล้วจะสามารถอยู่ในผิวไปได้ตลอดไม่สลายตัว และมีเคลื่อนตัวจากตำแหน่งเดิมที่ฉีดเข้าไปตอนแรกได้เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ทำให้เป็นสารเติมเต็มชนิดที่ อันตรายมากที่สุด

พ.ญ.เสาวภาคย์ กล่าวถึงฟิลเลอร์ด้วยว่า ฟิลเลอร์ที่ผ่านมาตรฐาน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในปัจจุบัน จะสามารถอยู่ได้ 1 ปี  หรือ  1 ปีครึ่ง หรือ ไม่เกิน 2 ปี นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละบริเวณ ขึ้นอยู่ชนิดของฟิลเลอร์ รวมถึงการดูแลตนเองหลังทำ เมื่อหมดระยะเวลาของฟิลเลอร์นั้น จะสามารถสลายตัวได้เองจนไม่เหลือตกค้าง 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากด้วยระยะเวลาภายใน 2 ปี ของฟิลเลอร์ เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมต่อผิวหนัง  จึงไม่ก่อให้เกิดการเคลื่อนที่ และ ไม่ระคายเคืองต่อผิวได้อย่างแน่นอน

ในปัจจุบันสารเดียวที่จะสามารถสลายสารไฮยารูโรนิกได้คือ เอ็นไซม์ไฮยารูโรนิเดส (Hyarulonidase) เอ็นไซม์นี้ที่จะช่วยสลายสารไฮยารูโรนิกได้ 100 เปอร์เซ็นต์  อย่างแม่นยำ สามารถสลายได้อย่างรวดเร็ว โดยจะเกิดการยุบตัวลง และ ละลายเป็นน้ำซึมไปตามผิวหนังได้เอง ทุกครั้งที่มีกรณีการแก้ไขเพื่อนำฟิลเลอร์ออกนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการแจ้งให้คนไข้ทราบอยู่เสมอว่า เมื่อฉีดสลายไปแล้วจะส่งผลให้คอลลาเจนใต้ผิวที่มีอยู่เดิม เกิดการเสื่อมสลายไปบ้าง ซึ่งคนไข้จะต้องทำความเข้าใจในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน

แพทย์ด้านผิวพรรณและความงาม ยังได้ให้ข้อสังเกตฟิลเลอร์ของแท้ว่าตรวจสอบอย่างไร โดยก่อนอื่นต้องขอดูผลิตภัณฑ์ ฉลากจะต้องตรงกับกล่องอย่างครบถ้วน ซึ่งเราควรทราบข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์อยู่บ้างแล้ว ทั้งเรื่องของ ลักษณะกล่อง รวมถึงบริษัทผู้ผลิต และของแท้จะต้องมี Serial Number  Ref. และ Lot.อยู่ข้างกล่อง สถานพยาบาลจะนำสติ๊กเกอร์ Serial Number นี้ติดไว้ที่ OPD ของคนไข้ จะสามารถตรวจสอบถึงผู้ผลิตได้

ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ ควรมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบมี 3 ประการคือ  ประการแรกคือ สารที่ใช้ ต้องแน่ใจว่าเป็น Hyaluronic Acid ที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไม่ใช่สารอื่นที่หลอกว่าเป็นฟิลเลอร์ (Filler) หรือเป็นฟิลเลอร์ (Filler) ราคาถูกที่มีขายตามเวปไซด์หรือนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย เพราะเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอม หมดอายุ ไม่ได้คุณภาพ

ประการที่สองแพทย์ที่ฉีด เพราะการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) จำเป็นอย่างมากที่แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ทางกายวิภาคอย่างเชี่ยวชาญ มีเทคนิคการฉีดต้องถูกต้องเหมาะสม มีการประเมินรูปร่างว่าบริเวณใดต้องฉีด มากน้อยเพียงใด และฉีดสารในชั้นผิวหนังที่ถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสมเพราะเมื่อฉีดสารเข้าไปย่อมมีโอกาสเสี่ยงในการที่จะไปโดนเส้นเลือดหรือ บริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ นำมาซึ่งอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตหรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆได้ และประการสุดท้ายสถานที่ฉีด ต้องเป็นสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย มีเครื่องมือช่วยชีวิตยามฉุกเฉิน

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โทร.092-278-9841 และ  0-2319-0315 หรือ Facebook : Doctorgrace Clinic และ Line : dr.graceclinic

   

8 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนฉีดfillerเติมเต็มหน้าผาก

    1. ฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผากเป็นบริเวณที่มีรายงานการฉีดเข้าเส้นเลือด และเกิดตาบอดทุกปีในประเทศไทย และรายล่าสุดที่เกิดก็ไม่กี่วันมานี้เองค่ะ 2. ฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผากในคนที่หน้าผากไม่ได้แบนมาก แทนที่จะเต็มสวย จะกลายเป็นดูโหนกนูนเหมือนปลาท้องหัววุ้นไปซะงั้น 3. ส่วนคนที่หน้าผากดูไม่ตึง ที่จริงแล้วไปฉีดโบท็อกซ์ก็แก้ไขได้แล้วจ้ะ ความเสี่ยงน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า ถูกกว่ามากด้วยค่ะ 4. เนื่องจากหน้าผากเป็นบริเวณที่กว้าง จึงต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์เยอะ ถึงจะฉีดได้เต็มทั่วถึง ไม่เป็นคลื่น จะฉีดให้สวยต้องใช้2-3cc ใครงบน้อย คิดดูอีกทีนะคะ

5. แต่เนื่องจากใช้ฟิลเลอร์เยอะ ในบางคนฉีดไปซักพัก ฟิลเลอร์ก็อาจมีการเคลื่อนที่ลงมาตรงเหนือคิ้ว ทำให้ดูสันคิ้วหนากว่าเดิมได้ค่ะ 6. อย่างที่บอกว่าหน้าผากเป็นบริเวณที่มีความเสี่ยงเข้าเส้นเลือดสูง จึงควรแจ้งให้คุณหมอใช้เข็มทู่(canula)ในการฉีดทุกครั้งนะคะ 7. การฉีดหน้าผากให้ดูสวย ไม่เป็นคลื่น ควรฉีดให้ลึกถึงชั้นกระดูก แต่อย่างที่บอกว่าเราต้องใช้เข็มทู่ฉีด การจะแซะเข็มทู่เข้าไปถึงชั้นติดกระดูกได้จึงเจ็บพอสมควรค่ะ (ก็เข็มมันทู่นี่คะ) 8. อันที่จริงแล้ว การฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผาก ไม่ได้ทำให้หน้าเด็กลงเท่าไหร่ เพราะกระดูกหน้าผากคนเราไม่ได้ยุบเยอะยุบเร็วเท่ากับโครงสร้างกระดูกบริเวณอื่นๆของใบหน้า เพราะฉะนั้นไปเริ่มแก้จากบริเวณอื่นก่อนจะดีกว่าค่ะ