พม.แถลงการจ่ายเงินสงเคราะห์ยังชีพผู้สูงอายุ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

กรมกิจการผู้สูงอายุ ร่วมแถลงผลการดำเนินงานตามภารกิจสำคัญของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในประเด็นการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ



วันนี้ (๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑) เวลา ๑๓.๓๐ น. นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ รองโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานตามภารกิจสำคัญของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมด้วย นางสาวดรุณี มนัสวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือสังคม แถลงประเด็นปัญหา “โทรป่วน” ศูนย์ช่วยเหลือสังคม ๑๓๐๐ และนางสาวจิรฎา วิวัฒนนะ ผู้อำนวยการกองบริหารกองทุนผู้สูงอายุ เข้าร่วมแถลงข่าวในประเด็นการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ณ บริเวณโถง ชั้น ๑ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ

กรมกิจการผู้สูงอายุ ร่วมแถลงข่าวในประเด็นการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เพื่อรณรงค์ให้ผู้สูงอายุที่มีฐานะดีและไม่เดือดร้อนทางการเงิน ร่วมกันบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ ได้มีการจัดงาน Kick Off และทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ๔๔ พื้นที่นำร่อง ณ ห้องสุริยวงศ์บอลรูม ชั้น ๑๑ โรงแรมตวันนา สุรวงศ์ กรุงเทพฯ 

ซึ่งกระทรวงการคลังได้ริเริ่มแนวคิดในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผสานความร่วมมือกับกระทรวง พม. หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุมีมติให้จ่ายเงินในอัตรา ดังนี้ ๑) ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาทต่อปี ได้รับเงินเพิ่มเดือนละ ๑๐๐ บาท จากเดิมได้รับ ๓๐๐ บาท รวมเป็น ๔๐๐ บาท และ ๒) ผู้สูงอายุ ที่มีรายได้เกินกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี ได้รับเงินเพิ่มเดือนละ ๕๐ บาท จากเดิมได้รับ ๒๐๐ บาท รวมเป็น ๒๕๐ บาท โดยจะจ่ายทุกวันที่ ๑๕ ของเดือน เริ่มจ่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ 

สำหรับเดือนนี้จะเป็นการจ่ายเงินสมทบของเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ด้วย ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุที่ได้อนุมัติการจ่ายเงิน เข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ ส่วนในระยะต่อไป คณะกรรมการฯ จะพิจารณาอัตราการจ่ายตามสถานะการเงินของกองทุนฯ อีกครั้ง 

โดยผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถนำบัตรไปกดเงินสดได้ ที่ตู้กดเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารกรุงไทยทุกสาขา (เท่านั้น) จำนวนเงินที่สามารถกดได้ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า ๑๐๐ บาท โดยไม่มีค่าธรรมเนียม (ใช้เลขท้ายบัตรประชาชน ๖ หลัก ในการกด และทำการเปลี่ยนรหัสตามขั้นตอนหน้าตู้กดเงินสดอัตโนมัติ) หรือจะนำไปรูดซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้า ผ่านแอพพลิเคชั่น “ถุงเงิน” ได้ด้วย 

สำหรับเงินในส่วนนี้ผู้สูงอายุที่ใช้เงินไม่หมดในเดือนนั้นสามารถสะสมเงินในบัตรเพื่อเก็บไว้ใช้ในเดือนต่อไปได้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังส่งเสริมให้มีการดูแลผู้สูงอายุผ่านการดำเนินงานธนาคารเวลา เพื่อให้มีการดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง และผู้ให้จะได้รับการตอบแทนตามเวลาที่สะสมไว้ โดยการดำเนินงานธนาคารเวลาสำหรับผู้สูงอายุของประเทศไทย ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 

ซึ่งเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๑ ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยแนวทางปฏิบัติร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องการดำเนินงานธนาคารเวลาสำหรับการดูแลผู้สูงอายุไทย โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมดำเนินการ ได้แก่ กรมกิจการผู้สูงอายุ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) /และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๔๔ พื้นที่นำร่อง