ร้อนนี้ … ได้เวลา “ข้าวแช่ตำรับชาววัง” ณ โนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต

ย่างเข้าสู่หน้าฤดูร้อน ห้องอาหารศาลาไทย โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ชวนลิ้มลองเมนูคลายร้อนตำรับโบราณ ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ด้วย “ข้าวแช่ชาววัง” สัมผัสความหอมอร่อยชื่นใจจากข้าวแช่อบร่ำควันเทียนและกลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงปรุงอย่างพิถีพิถันถึง 9 อย่าง ได้แก่ กะปิชุบไข่ทอด, ปลาช่อนหวานแห้งผัด, หัวไชโป๊ผัดหวาน, หัวไชโป๊ผัดไข่, หมูฝอย, เนื้อฝอย, หอมยัดไส้ปลาชุบแป้งทอด, พริกหยวกสอดไส้หมูกุ้ง และไข่เค็ม ทานแกล้มกับผักสดแนมที่บรรจงแกะสลักอย่างปราณีต รังสรรค์โดยเชฟ บังอร มาลาเล็ก หัวหน้าครัวไทย ที่ได้สืบทอดสูตรการทำข้าวแช่จากต้นตำรับในวัง




อิ่มอร่อยและสดชื่นไปกับเมนูสุดชื่นใจนี้ได้ที่ห้องอาหารศาลาไทย โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ตได้ตลอดช่วงสงกรานต์ระหว่างวันที่ 10 – 18 เมษายน 2562 นี้ ในมื้อกลางวัน เวลา 11.30 – 14.30 น. ในราคาเพียงชุดละ 780 บาท สอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ 02-131-1111 หรืออีเมล square@novotelairportbkk.com

หัวหน้าเชฟอาหารไทย เล่าว่า ข้าวแช่ของที่นี่ถือเป็นไฮไลท์ โดยแต่ละปีจะมีการจัดโปรโมชั่นขึ้นในเดือนเมษายน สำหรับปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-18 เมษายน แขกจะชื่นชอบมาก ปีหนึ่งในระยะเวลาเพียงสิบวันแต่ออกถึง 4-500 ที่ ข้าวแช่ที่นี่จะแตกต่างจากที่อื่น โดยทำออกมาตามสูตรชาววังแท้ 

ข้าวแช่แต่เดิมไม่ใช่อาหารของเราโดยตรง เป็นอาหารของชาวมอญ จนรัชกาลที่ 5 ทรงเสวย และชื่นชอบจึงให้คนในวังทำ ทุกคนจึงเริ่มรู้จักและทำกันในวัง จึงขึ้นชื่อว่าอาหารประเภทนี้เป็นอาหารชาววัง 

ข้าวแช่จะมีเครื่องเคียงทั้งหมด 9 อย่าง สูตรจริง ๆ จะใช้ปลากระเบนแต่เนื่องจากโรงแรมอนุรักษ์ธรรมชาติ จึงให้ใช้ปลาช่อนแทน แต่แขกก็ชื่นชอบมากว่ารสชาติไม่เหมือนที่อื่น 


หัวหน้าเชฟบังอร เล่าถึงส่วนผสมว่า ส่วนผสมจะคัดพิเศษ เช่นไข่เค็ม ต้องสั่งไข่ไชยา เนื้อมัน แดง และปั้นออกมาให้พอดี กะปิมีส่วนผสมเครื่องเทศจำนวนมาก โดยเป็นสูตรพิเศษ ออกรสหวาน เค็ม กะปิทำยากมาก เคี่ยวถึง 2 วัน กว่าจะได้แบบนี้ ถ้าเคี่ยวไม่ครบสูตรเมื่อปั้นมาทอดจะแตก 

หอมโทนก็ต้องเอาลูกที่เสมอกัน เล็ก ๆ มายัดไส้ มีปลา กระชาย รากผักชีกระเทียมพริกไทย พริกหยวกยัดไส้จะพิเศษกว่าที่อื่น ที่อื่นใช้หมูแต่ที่นี่จะใส่กุ้งเข้าไปด้วยทำให้รสชาตินุ่มนวลขึ้น 

หัวไชโป๊ว ก็มีทั้งแบบผัดไข่และแบบเชื่อมแบบโบราณ ให้เลือกสองอย่าง มีหมูฝอย เนื้อฝอย โดยแยกจะแยกเนื้อเอาไว้อีก 1 ถ้วย สำหรับแขกที่ไม่ทานเนื้อ

ส่วนของข้าว เวลาทำต้องเอาไปต้มกับน้ำให้เดือด แล้วนำมาขัดเบาๆ เพื่อให้ยางข้าวออกเพื่อให้เมล็ดข้าวใส เมื่อขัดเสร็จก็ต้องดูว่าเมล็ดหักหรือไม่ ต้องใช้เมล็ดที่ไม่หัก หลังจากนั้นก็จะนำไปนึ่งไม่ให้แข็ง ไม่งั้นจะไม่อร่อย น้ำอบควันเทียนที่อบขนมก็อบสามถึงสี่เที่ยวเพื่อให้หอม มะลิต้องเลือกไม่ให้อ่อนหรือแก่มาก ต้องพอดีพอดี นำดอกมะลิแช่ตู้เย็นไว้เช้าก็จะนำมาโรย ต้องเลือกแบบบานแล้วจะหอม 

“อาหารไทยที่นี่จะรสชาติเข้มข้น เราจะไม่ทำตามแขกฝรั่งชอบ แต่จะยืนตามรสชาติตำรับไทยแท้ รสจัดจ้าน” หัวหน้าเชฟกล่าว