ประมวลภาพวันสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒”

            ตามที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดมหาศุภมงคลการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ระหว่างวันที่ 2-6 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 โดยในวันที่ 2 พ.ค.เสด็จพระราชดำเนินไปถวายราชสักการะ พระบรมราชานุสรณ์ พระลานพระราชวังดุสิตและปฐมบรมราชานุสรณ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า กับศาลหลักเมือง และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ และพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง

            วันที่ 3 พ.ค.2562 การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เวลา 10.00 น.โดยประมาณ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพและพระราชลัญจกรประจ ารัชกาล ออกจากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มาขึ้นพระราชยานกง ที่หน้าประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีขบวนเครื่องสูง กลองชนะและคู่แห่ แห่ไปยังหน้าพระทวารเทเวศรรักษา แล้วเชิญเข้าทางพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เพื่อไปประดิษฐาน ณ พระแท่นมณฑล ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ

            จากนั้น เวลาประมาณ 16.12 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระราชินีสุทิดา และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงนมัสการพระรัตนตรัย และถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิ เนื่องในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒

พระราชพิธีบรมราชภิเษก

                ต่อมา ในวันที่ 4 พ.ค.2562 พระราชพิธีบรมราชภิเษก เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 09.20 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี เทียบรถยนต์พระที่นั่งที่พระทวารเทเวศรรักษา เสด็จเข้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตรและดุริยางค์ เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ รวม 5 รูป ขึ้นนั่งบนอาสนะในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ

            สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานสงฆ์ ถวายศีล จบแล้ว เสด็จเข้าในหอพระสุราลัยพิมาน ทรงเศวตพัสตร์ ทรงสะพักขาวขลิบทอง พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ กราบบังคมทูลเชิญเสด็จไปสู่มณฑปพระกระยาสนาน

สรงพระมุรธาภิเษก

            สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากหอพระสุราลัยพิมานเข้ายังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ มีริ้วขบวนนำและตามเสด็จ จากพระที่นั่งไพศาลทักษิณไปยังชาลาพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทรงจุดธูปเงินเทียนทองสังเวยเทวดากลางหาว แล้วเสด็จขึ้นมณฑปพระกระยาสนานประทับเหนือตั่งอุทุมพรราชอาสน์แปรพระพักตร์สู่ทิศบูรพาเพื่อสรงพระมุรธาภิเษก โหรหลวงลั่นฆ้องชัย จากนั้น เวลาพระฤกษ์ 10.09-12.00 น. พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวังเปิดพระครอบพระมุรธาภิเษก รัชกาลที่ 1 ถวายแล้ว ทรงวักน้ำจากพระครอบพระมุรธาภิเษก รัชกาลที่ 1 สรงพระนลาฏ พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง ไขสหัสธารา อันเจือด้วยน้ำเบญจสุทธคงคาในแม่น้ำสำคัญทั้ง 5 ของราชอาณาจักรไทย ได้แก่ แม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำราชบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำบางปะกง รวมทั้งน้ำ 4 สระ คือ สระเกษ สระแก้ว สระคงคา และสระยมนา ซึ่งเคยเป็นน้ำสรงพระมุรธาภิเษกสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชตามราชประเพณีมาแต่โบราณกาล

            ขณะนั้น โหรหลวงลั่นฆ้องชัย พระสงฆ์ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระมหามณเฑียรสถาน เจริญชัยมงคลคาถา พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร และดุริยางค์ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่ ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร มหาปราบยุค กระบอกละ 10 นัด ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 101 นัด

            เมื่อสรงสหัสธาราแล้ว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระอนุวงศ์ และพราหมณ์ ถวายน้ำพระพุทธมนต์ และน้ำเทพมนตร์ ตามลำดับ เสร็จสรงพระมุรธาภิเษกแล้ว มหาดเล็กสอดฉลองพระบาทถวาย และถวายฉลองพระองค์คลุม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นหอพระสุราลัยพิมาน

รับน้ำอภิเษกจากทิศทั้ง 8

            สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงฉลองพระองค์ครุย สายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์ สายสร้อยจุลจอมเกล้า เสด็จออกจากหอพระสุราลัยพิมานเข้าพระที่นั่งไพศาลทักษิณประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร แปรพระพักตร์สู่บูรพาทิศเป็นปฐม

            สมุหพระราชพิธี ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าเบญจคัพย์ รัชกาลที่ ๑ ส าหรับทรงรับน้ำอภิเษกประจ ทิศโดยทักษิณาวรรต ดังนี้ – ทิศบูรพา (ตะวันออก) พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษกด้วยถ้วยศิลาจารึกพุทธคาถาเป็นทิศแรกแล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระครอบเฟือง(สัมฤทธิ์) เสร็จแล้ว ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระมหาสังข์ประจำทิศที่พระหัตถ์ทุกทิศ ตามลำดับ หลังผู้ถวายน้ำอภิเษก ดังนี้  ทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) หม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล  ทิศทักษิณ (ใต้) พลโท หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล  ทิศหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้) พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ทิศประจิม (ตะวันตก) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทิศอุดร (เหนือ) นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา และทิศอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ) นายจรัส สุวรรณเวลา ราชบัณฑิต

            สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จแปรที่ประทับทรงรับน้ำอภิเษกนั้นไปตามทิศ แล้วประทับทิศบูรพา(แทนทิศกลาง) พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษกสำหรับทิศกลาง แล้วพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ น้อมเกล้าฯ ถวายพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร และดุริยางค์

ทรงสวมพระมหาพิชัยมงกุฏ

            สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ โดยริ้วขบวนไปประทับเหนือพระที่นั่งภัทรบิฐ ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร แปรพระพักตร์สู่ทิศบูรพา พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ กล่าวเวทสรรเสริญเปิดศิวาลัยไกรลาส จบแล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวาย เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ มีพระสุพรรณบัฏพระปรมาภิไธย เบญจราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสงราชศัตราวุธ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับแล้วทรงสวมและทรงวางบางองค์ไว้บนโต๊ะ 2 ข้างพระที่นั่งภัทรบิฐ เมื่อถวายพระธำมรงค์วิเชียรจินดาแล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ สอดฉลองพระบาทเชิงงอนถวาย เจ้าพนักงานเชิญเครื่องขัตติยราชูปโภค มาทอดถวาย ขณะทรงรับพระสุพรรณบัฏพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย แตร มโหระทึก และดุริยางค์ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่ ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร มหาปราบยุค กระบอกละ 10 นัด ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 101 นัด พระสงฆ์ในพระอาราม ทั่วราชอาณาจักรย่ำระฆังถวายชัยมงคล พระอารามละ 7 ลา

พระราชทานปฐมบรมราชโองการ

            เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ถวายอนุษฏุภศิวมนตร์ จบแล้ว พราหมณ์เป่าสังข์ ประธานพระครูพราหมณ์ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระปฐมบรมราชโองการพระราชทานอารักขาแก่ประชาชนชาวไทย ความว่า

            “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

            และทรงหลั่งทักษิโณทกตั งพระราชสัตยาธิษฐานจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจปกครองราชอาณาจักรไทยโดยทศพิธราชธรรมจริยา

สถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

            จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศพระบรมราชโองการสถาปนาสมเด็จพระราชินี ให้ทรงดำรงราชฐานันดรศักดิ์ เป็น สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี แล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จสู่หน้าพระที่นั่งภัทรบิฐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ พระราชทานใบมะตูม ทรงเจิม และพระราชทานพระสุพรรณบัฏ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคลนพรัตน์ราชวราภรณ์ และเครื่องราชอิสริยยศราชูปโภค แก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปประทับพระราชอาสน์เบื้องซ้ายพระที่นั่งภัทรบิฐ

            พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเปลื้องพระมหาพิชัยมงกุฎ และพระธำมรงค์ ทรงโปรยดอกพิกุลทอง พิกุลเงิน พระราชทานแก่พราหมณ์แล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ถอดฉลองพระบาทเชิงงอน เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร ดับเทียนชัย พระสงฆ์ เจริญคาถาดับเทียนชัย ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ 80 รูป ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่งแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปประทับพักพระราชอิริยาบถ ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน

เสด็จออกมหาสมาคมครั้งแรก

            ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงฉลองพระองค์ครุย สายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์ สายสร้อยจุลจอมเกล้า เสด็จออกพระทวารเทวราชมเหศวร มายังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยศูรยพิมาน ประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์บนพระราชบัลลังก์ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ เจ้าพนักงานรัวกรับและเปิดพระวิสูตร ชาวพนักงานประโคมกระทั่ง แตร มโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ขณะนั น ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัดโดย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณบดีทูตและคณะทูตานุทูตต่างประเทศประจ าประเทศไทย นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและคณะ ประธานศาลฎีกาและคณะ ประธานองค์กรอิสระและคณะข้าราชการทหาร ต ารวจ พลเรือน และสมาชิกจุลจอมเกล้าเฝ้าฯ

            สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลในนาม พระบรมวงศานุวงศ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลในนามคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่านายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลในนามสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลในนามของข้าราชการตุลาการ จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบความว่า

            “ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางมหาสมาคม พรั่งพร้อมด้วยทุกท่านจากทุกสถาบันสำคัญของชาติและได้รับคำอวยพรอันเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี และไมตรีจิต ขอขอบพระทัย และขอบใจในคำอำนวยพรและน้ำใจไมตรีของทุกท่านเป็นอย่างมาก ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าขอเชิญชวนทุกท่านทุกฝ่ายในมหาสมาคมนี้ และประชาชนชาวไทยทุกคน ได้ตั้งความปรารถนาร่วมกันกับข้าพเจ้า ในอันที่จะร่วมกันปฏิบัติงานตามฐานะและหน้าที่ของตน โดยยึดเอาประโยชน์ คือความเจริญมั่นคงของประเทศชาติและความผาสุกร่มเย็นของประชาชน เป็นเป้าหมายสูงสุด ขอคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาทุกท่าน ให้ประสบความสุข ความเจริญ พร้อมด้วยพรอันเป็นมงคลทุกประการ”

            ในการเสด็จออกมหาสมาคมวันนี้ เจ้าหน้าที่จะได้เทียบพระที่นั่งราเชนทรยาน ที่เกยพระที่นั่ง ดุสิดาภิรมย์ รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และเทียบเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ที่ท่าราชวรดิฐ

ทรงประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก

            จากนั้นในช่วงเย็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จฯ โดยขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ไปทรงนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก ถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ปราสาทพระเทพบิดร แล้วเสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายสมเด็จพระบรมราชบุพการี ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร

            ส่วนในช่วงค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จในการพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ในพระบรมมหาราชวัง

ที่มา-ราชกิจจานุเบกษา,เว็บไซต์ phralan.in.th