พาณิชย์ฯ หนุนเจาะตลาดออแกนิกส์ “มุมไบ”

กระแสอาหารออแกนิกส์อินเดียมาแรงแนวโน้มดี ด้วยนโยบายสนับสนุนของรัฐบาลใหม่ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนในเมืองใหญ่ ต้องการบริโภคอาหารอินทรีย์เพื่อสุขภาพสูงขึ้น คาดปี 2563 ตลาดออแกนิกส์ทุกประเภทจะมีมูลค่าถึง 5-6 หมื่นล้านบาท

นางสาวสุพัตรา แสวงศรี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากนายนเรนทรา โมดี ชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อเนื่อง นโยบายส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ที่ดำเนินมา ก็ได้รับการสานต่อ โดยอุตสาหกรรมอาหารออแกนิกส์เติบโตเป็นสองเท่าในช่วงปี 2556-2561 ส่วนมูลค่าตลาดออแกนิกส์รวมทุกประเภท ระหว่างปี 2559-2560 ประมาณ 20,000 ล้านบาท (40,000 ล้านรูปี) เติบโตถึงร้อยละ 25 สำหรับปีนี้ก็จะมีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน และคาดว่าในปีหน้าปี 2563 จะมีมูลค่าสูงขึ้นเป็น 50,000-60,000 ล้านบาท (100,000-120,000 ล้านรูปี)

ปัจจุบันสินค้าและผลิตภัณฑ์อาหารออแกนิกส์ ที่จำหน่ายในอินเดียมีกว่า 200 ชนิด สินค้าที่เติบโตมากที่สุดคือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มสิ่งทอ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เช่น ผิวหน้า ผิวกาย ตามลำดับ สินค้าออแกนิกส์ในอินเดียแม้ว่าราคาจะสูงกว่าสินค้าทั่วไป แต่ก็มีศักยภาพที่จะซื้อได้ ที่กำลังนิยม อาทิ กลุ่มผัก เช่น มะเขือเทศ กะหล่ำดอก พริกเขียว มะระขี้นก กลุ่มผลไม้ เช่น กล้วย มะม่วง ทับทิม กลุ่มน้ำผลไม้ เช่น น้ำมะพร้าว น้ำสับปะรด น้ำมะยม น้ำว่านหางจระเข้ กลุ่มธัญพืช เช่น ข้าวโพด แป้งข้าวโพด อื่นๆ เช่น ไข่ กาแฟ น้ำอ้อย

นางสาวสุพัตรา กล่าวต่อไปว่าเหตุผลและสภาพแวดล้อมสำคัญ ที่ส่งผลให้การบริโภคอาหารออแกนิกส์ในอินเดียเติบโตในอัตราสูง ปัจจัยสำคัญคือ ความก้าวหน้าของระบบIT ทำให้การค้าแบบอี-คอมเมิร์ซ เข้ามามีบทบาทสูง เกิดอี-มาร์เก็ตเพล็สออนไลน์มากกว่า 25 แพลทฟอร์ม ที่มีอาหารออแกนิกส์ให้เลือกซื้อ  เช่น เว็บไซต์ ISayOrganic, JoyByNature, ekgaon , OgarnicShop , Farm2Kitchen, Organic Shop, Naturally Yours ทำให้มีช่องทางเลือกจับจ่ายที่สะดวกรวดเร็ว ขณะที่คนอินเดียมีทักษะการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลได้ให้ความรู้ ตระหนักถึงอันตรายของสารเคมีต่อสุขภาพอย่างจริงจัง ทำให้เกิดกระแสบริโภคสินค้าออร์แกนิกส์มากขึ้น การมีผลิตภัณฑ์อาหารออแกนิกส์ใหม่ๆมาแข่งขันให้เลือกซื้อเพิ่มขึ้นและที่สำคัญความสามารถในการใช้จ่ายของชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นด้วย

นางสาวสุพัตรา กล่าวว่า อินเดียเป็นตลาดใหญ่ โดยเมื่อปี 2561 มีจำนวนประชากรที่มีกำลังซื้อประมาณร้อยละ 20 (จากประชากร 1,332 ล้านคน) หรือกว่า 266 ล้านคน ขณะที่ปริมาณการผลิตอาหารในประเทศยังไม่เพียงพอ แต่พื้นที่เพาะปลูกพืชออแกนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณร้อยละ 6 ต่อปี รวมถึงผลิตภัณฑ์ออแกนิกส์ทั้งในระดับทั่วไป กลาง และพรีเมี่ยม ก็ขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นตามไปด้วย ขณะที่ปัจจุบันร้านค้าออแกนิกส์ยังมีจำกัดเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ 

ดังนั้นการค้าขายผ่านออนไลน์ จึงเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ส่งออกและนักลงทุนไทย สุดท้ายขอแนะนำให้ไปใช้ประโยชน์จาก FTA ไทย-อินเดีย เพราะมีสินค้าผลไม้สดไทยหลายรายการได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า และวางจำหน่ายบนแพลทฟอร์มออนไลน์ของอินเดีย เช่น มังคุด มะม่วง ทุเรียน เงาะ ฝรั่ง ลำไย  หากผู้ผลิตไทยสามารถยกระดับการผลิตจากผลไม้ทั่วไป เป็นผลไม้ออร์แกนิกส์ได้ ก็จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและมีตลาดอินเดียรองรับผลผลิต และผลิตภัณฑ์ได้อีกปริมาณมาก

อนึ่ง ในปี 2560-2561 อินเดียผลิตสินค้าออแกนิกส์ทุกประเภทที่ได้รับการรับรองประมาณ 1.7 ล้านตัน เช่น อ้อย ธัญพืช ฝ้ายพัลส์ พืชสมุนไพร ชา ผลไม้ เครื่องเทศ ผลไม้แห้ง ผัก กาแฟ พร้อมกับน้ำมันเมล็ดพืช น้ำตาลธัญพืช พืชหอม เครื่องเทศและเครื่องปรุงรส โดยมีขนาดพื้นที่ผลิตประมาณ 22.25 ล้านไร่ (3.56 ล้านเฮกตาร์) ในรัฐหลักๆ ประกอบด้วย มัธยประเทศ มหาราษฏระ คาร์นาตากะ อุตรประเทศ และราชาสถาน การส่งออกประมาณ 4.58 ล้านตัน หรือประมาณ 16,648 ล้านบาท (515.44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ=อัตราแลกเปลี่ยนปี 2561 เฉลี่ย 32.30 บาท) ไปยังสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป แคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย อิสราเอล เกาหลีใต้ เวียดนาม นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น โดยส่งออกสินค้า เช่น เมล็ดพืชน้ำมัน ซีเรียล ธัญพืช ชา กาแฟ ผลไม้แห้ง เครื่องเทศ เป็นต้น

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย โทร 001-91-222 2830242 ต่อ 3 หรือกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169