ซี.พี.แลนด์ เผยแผนลงทุนธุรกิจในเครือ

กันยายน 62 : บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) มองแนวตลาดท่องเที่ยวไทยโตต่อเนื่อง เตรียมขยายธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ธุรกิจในเครือที่มีสัดส่วนรายได้ถึง 45 % อันดับหนึ่งจากรายได้รวม ซี.พี.แลนด์ ราว 2,000 ล้านบาททั่วทุกภูมิภาค



นายสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร โรงแรมในเครือฟอร์จูน บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ในช่วง 5 ปี นับจากนี้คือ 2563 - 2567  ทางซี.พี.แลนด์ มีแผนลงทุนสร้างโรงแรมใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าครอบคลุมทุกภูมิภาค โดยเพิ่มจำนวนห้องพักราวประมาณ 2,000 ห้อง ใน 12-14 แห่งจากปัจจุบันที่มีอยู่ 11 แห่ง เป็น 24-25 แห่งหรือราว 4,000 ห้องภายใต้การลงทุนไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นทำเลการลงุทนโรงแรมในเมืองที่มีศักยภาพทางด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว

โรงแรมใหม่ที่จะลงทุน มีทั้งแบบระดับห้าดาว ในต่างจังหวัดภายใต้แบรนด์ฟอร์จูน ขนาดไม่ต่ำกว่า 300 ห้อง ลงทุนห้องละ 5 ล้านบาทอย่างน้อย 3 แห่ง โดยยอดลงทุนไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านต่อ 1 แห่ง ได้แก่ โรงแรมในจังหวัดขอนแก่น อุดรธานี และหาดใหญ่ นอกจากนี้ยังลงทุนโรงแรมในระดับ 3-4 ดาวภายใต้แบรนด์ฟอร์จูนและโรงแรมระดับ 2-3 ดาวภายใต้แบรนด์ ฟอร์จูน ดี ซึ่งการลงทุนประมาณ 1 ล้านต้นๆ ในแต่ละห้อง

ส่วนโลเกชั่นอยู่ในแผนลงทุนได้แก่ จังหวัดราษฎร์ธานี สมุทรสาครและบึงกาฬ รองรับการลงทุนสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 5 เชื่อมจากไทยไปลาว

ปัจจุบัน โรงแรมในเครือฟอร์จูนแบ่งเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย ซิตี้ โฮเทล ระดับ 4-5 ดาว ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพ โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช โรงแรมฟอร์จูน ราชพฤกษ์ นครราชสีมา

รีสอร์ท โฮเทล ระดับ 3-4 ดาวได้แก่ โรงแรมฟอร์จูน ริวเวอร์วิว นครพนม โรงแรมฟอร์จูน วิวโขง นครพนม

และไลฟ์สไตล์ แอนด์ คอนวิเนียน โฮเทลระดับ 2-3 ดาว ได้แก่ โรงแรมฟอร์จูน ดี เขาใหญ่ โรงแรมฟอร์จูน ดี แม่สอด โรงแรม ฟอร์จูนดีเลย โรงแรมฟอร์จูน พิษณุโลก โรงแรมฟอร์จูน ดี บุรีรัมย์

นายสุนทร เผยต่อว่า “ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 มีแผนเปิดให้บริการโรงแรมฟอร์จูน ซี วิว จังหวัดระยองเป็นซิตี้ โฮเทลระดับ 4-5 ดาวและอีก 2 แห่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง หากไม่แล้วเสร็จในปี 2563 จะขยายระยะเวลาการเปิดให้บริการออกไปเป็นปี 2564



โดยทำเลในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความน่าสนใจในการลงทุนเพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลีย่นไป มีรูปแบบการท่องเที่ยวเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น ทางบริษัทจึงหันมาโฟกัสการลงทุนในโรงแรมที่เจาะฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหรือกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยว

นอกจากนี้ทาง ซี.พี.แลนด์ ยังมองการสร้างโรงแรมรองรับกลุ่ม long stay อีกด้วย นายสุนทร กล่าวถึงการลงทุนเรื่องนี้ว่า “ มีแผนจะสร้างโรงแรมขนาดไม่เกิน 200 ห้องใกล้กับโครงการนิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซีที่มาบตาพุด รองรับคนเข้ามาทำงานในพื้นที่นั้น ซึ่ง 1 ใน 3 ของห้องพักจะรองรับกลุ่ม long stay ซึ่งจะเริ่มสร้างในปี 2564 บนพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ภายในนิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซี(มาบตาพุด)

โดยเป็นพื้นที่ที่ติดถนนหลัก 3 เส้นใกล้โครงการรถไความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คาดว่าจะสามารถรองรับกลุ่มลูกค้าได้ทั้งหมดภายในปี 2565 ตอนนี้อยู่ระหว่างการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภคในนิคม น่าจะสร้างได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งซี.พี.แลนด์และทางการของจีน มีการลงทุนร่วมกันในนิคมดังกล่าวไปกว่า 6,000 ล้านบาท

แบ่งเป็นค่าที่ดิน 4,000 ล้านบาท ลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานในโครงการ 2,000 ล้านบาทจากวงเงินการลงุทนรวมในโครงการนี้ ร่วม 10,000 ล้านบาท"