พม. จัดคอนเสิร์ต “S2S : Light of Love” นำคนพิการกว่า 200 ขึ้นเวทีร่วมกับศิลปินจาก 3 ค่ายเพลงดังครั้งแรกของไทย

   

   

   

วันที่ 25 พ.ค. 60 เวลา 18.30 น. ที่ผ่านมา ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รวมทั้ง สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย และมูลนิธิสถาบันดนตรีคนตาบอด จัดคอนเสิร์ต S2S : Light of Love 

ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของประเทศไทยที่มีคนพิการทางการเห็นกว่า 50 คน และคนพิการประเภทอื่นๆ อีก 150 คน รวมทั้งสิ้นกว่า 200 คน ร่วมแสดงคอนเสิร์ตอย่างยิ่งใหญ่กับศิลปินรับเชิญจาก 3 ค่ายเพลงดัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผ่านบทเพลงพระราชนิพนธ์ และร่วมส่งเสริมศักยภาพและความสามารถด้านการแสดงดนตรีและร้องเพลงของนักร้องนักดนตรีตาบอดในนาม "ศิลปิน S2S” ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมอย่างต่อเนื่องโดยมีพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) คณะผู้บริหารกระทรวง พม. สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป จำนวนกว่า 1,600 คน เข้าร่วมงาน 


พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมศักยภาพและความสามารถของคนพิการ โดยเฉพาะกลุ่มนักร้องนักดนตรีตาบอดในที่สาธารณะ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติควบคุม การขอทาน พ.ศ. 2559 ที่มีการแยกกลุ่มบุคคลที่แสดงความสามารถในที่สาธารณะ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่ผิดกฎหมาย กระทรวง พม. โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) 

จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพนักร้อง นักดนตรีตาบอดในที่สาธารณะ : จากถนนสู่ดวงดาว หรือ From Street to Stars (S2S) โดยความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐเพื่อสังคมร่วมกับ 3 ค่ายเพลงดัง เพื่อยกระดับและพัฒนาศักยภาพนักร้องนักดนตรีตาบอดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการคัดเลือกนักร้องนักดนตรีตาบอดที่มีความสามารถจากทั่วประเทศ จำนวนกว่า 1,000 คน ซึ่งมีผู้ที่ผ่าน การคัดเลือกจำนวน 50 คน โดยได้รับการพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆ 

ทั้งนี้ปัจจุบัน ปรากฎว่านักร้องนักดนตรีตาบอดของโครงการดังกล่าว มีชื่อเสียงภายใต้ชื่อ “ศิลปิน S2S” และได้ร่วมแสดงความสามารถด้านดนตรีและร้องเพลงกับศิลปินชื่อดัง พร้อมร่วมร้องเพลงในงานคอนเสิร์ตกับบุคคลสำคัญระดับประเทศ รวมทั้งการได้รับเชิญไปร่วมรายการต่างๆ มากมาย ทำให้เกิดการยอมรับอย่างมากจากทุกภาคส่วนในสังคม 


   

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จของโครงการฯ ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการต่อยอดสู่การยกระดับความสามารถของศิลปิน S2S เป็นศิลปินมืออาชีพ จึงได้จัดคอนเสิร์ต ภายใต้ชื่อ “S2S : Light of Love” ซึ่งหมายถึงแสงสว่างแห่งรัก ที่สร้างคุณค่า และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทุกคนในสังคม ซึ่งเป็นการแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกของประเทศไทย ที่คนพิการทางการเห็นกว่า 50 คน และคนพิการประเภทอื่นๆ อีก 150 คน รวมทั้งสิ้นกว่า 200 คน ร่วมแสดงคอนเสิร์ตอย่างยิ่งใหญ่ กับศิลปินรับเชิญจาก 3 ค่ายเพลงดัง ภายใต้การกำกับและร้อยเรียงบทเพลงการแสดงจากคุณหนึ่ง-จักรวาล เสาธงยุติธรรม โปรดิวเซอร์และมิวสิกไดเรกเตอร์ชื่อดัง 

โดยมีการน้อมนำศาสตร์ของพระราชาผ่านบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบทเพลงให้โอกาส เกียรติ กำลังใจ บทเพลงแห่งความหวัง สำหรับการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ 1) บทเพลงพระราชนิพนธ์ และเพลงเทิดพระเกียรติอันทรงคุณค่า 2) บทเพลงแห่งโอกาส เกียรติ กำลังใจ 3) บทเพลงแห่งความหวัง และพลังชีวิต และ 4) บทเพลงแห่งความรัก และสร้างแรงบันดาลใจ 


“คอนเสิร์ตดังกล่าว นับเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของความสำเร็จของคนพิการ และเป็นการสร้างแรงบันดาลใจแก่คนพิการทุกคนในสังคม ถือได้ว่าเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมกันในสังคม ทั้งนี้ขอขอบคุณทุกคนที่เข้าร่วมชมการแสดงคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ในวันนี้ 

นับเป็นการร่วมสร้างและให้โอกาส เกียรติ กำลังใจ “ศิลปิน S2S” โดยหวังว่า ทุกคนจะได้รับความสุข ความประทับใจ และรอยยิ้มแห่งการให้กลับไปจากการแสดงและขับร้องบทเพลงอันไพเราะของ “ศิลปิน S2S” ร่วมกับศิลปินจากค่ายเพลงดัง อย่างไรก็ตาม กระทรวง พม. มีความมุ่งมั่นในการสร้างความตระหนักให้ทุกคนร่วมกันปรับเปลี่ยนเจตคติของสังคม "จากภาระเป็นพลัง” ทำให้สังคมได้ประจักษ์


ถึงความสามารถและศักยภาพของคนพิการ ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนในสังคม ด้วยการสนับสนุน ส่งเสริม พัฒนาศักยภาพ และยกระดับความสามารถของนักร้องนักดนตรีตาบอดในที่สาธารณะ เพื่อให้สามารถก้าวเดินจากถนน
ไปสู่ดวงดาว เป็นศิลปินมืออาชีพ สามารถมีรายได้ที่พอเพียงและมั่นคงในการเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้อย่างมั่นคงต่อไป” พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวในตอนท้าย