ตามติด… แคมเปญกระตุ้นตลาดท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 19 พย. ที่ผ่านมา บีทริปนิวส์ ไปร่วมงานเปิดตัว บริษัท “TNN Media777″ เพื่อบริหารคลื่นสถานีวิทยุ Travel Radio FM 104.5MHz โดย คุณฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ได้พบกับ คุณฐปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. ซึ่งอัพเดทความคืบหน้าเกี่ยวกับ โครงการ เที่ยววันธรรมดา ราคาShock โลก และ ร้อยเดียว เที่ยวทั่วไทย มาเล่าให้ฟังกัน หลังจากเริ่มดำเนินการระยะหนึ่งแล้ว…

เสริมแรงกระตุ้นแคมเปญ

แคมเปญ “เที่ยววันธรรมดาราคา Shock โลก” เป็นแคมเปญที่มุ่งกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในวันธรรมดา เพื่อสร้างการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย และเป็นการกระจายรายได้ให้แก่ท้องถิ่น โดยนำเสนอสินค้าและบริการของประเทศไทยที่มีมาตรฐานระดับสากล

โดย ททท. ร่วมกับพันธมิตรทางการท่องเที่ยว นำเสนอโปรโมชั่นลดราคาสูงสุดถึง 80% เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยด้วยสินค้าและบริการท่องเที่ยวหลากหลาย อาทิ ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ร้านอาหาร สุขภาพและความงาม กอล์ฟ ช้อปปิ้ง นันทนาการ แพ็กเกจท่องเที่ยว พาหนะเดินทาง และเรือยอร์ช และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสุดพิเศษที่นักท่องเที่ยวสามารถรับสิทธิ์ซื้อแพ็กเกจได้ในราคาเพียง 1 บาท จำนวน 8 แพ็กเกจ เพียงแค่ลงทะเบียนบนเว็บไซต์ www.วันธรรมดาราคาช็อโลก.com โดยประกาศรายชื่อผู้โชคดีทุกวันศุกร์ จำนวน 8 ครั้ง ทั้งนี้แคมเปญเที่ยววันธรรมดาราคา Shock โลก พร้อมนำเสนอโปรโมชั่นช็อกโลกพร้อมกันตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2562

คุณฐปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าฯ ด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. เผยว่า โครงการ “เที่ยววันธรรมดา ราคา Shock โลก” หลังจากเริ่มดำเนินการมาสองอาทิตย์ ซึ่งมีการเก็บสถิติทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 1-14 พย. ตอนนี้มีคนลงทะเบียนทั้งหมด ประมาณ 60000 คน จริง ๆ แล้วคนที่เข้ามาดูในเวปไซต์เกือบ 400,000 คน แต่ถ้าเพจวิว ประมาณ 3 ล้านกว่า ใน 60,000 คนที่ลงทะเบียนใช้สิทธิซื้อของ ประมาณ 26000 คนเพื่อซื้อของและมีการใช้จริงแล้ว ในการใช้ตัวกิจกรรมนี้

เขามีแพลนที่จะไปใช้ หลังจากนี้จะมีการทำแคมเปญโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้ศิลปินดารา ที่ต้องการช่วยโปรโมท เขาก็บอกว่า รัฐบาลก็ช่วยโปรโมทในสิทธิพิเศษเรื่องของชิม ช็อป ใช้ กระเป๋าสอง สาม เป็นมกราคมแล้ว ตอนนี้ในทางคู่ขนาน ทางธนาคารกรุงไทย เปิดโอกาสให้กับโรงแรม สถานประกอบการต่าง ๆ สามารถเข้ามาลงทะเบียนเป็นถุงเงินได้

เพราะฉะนั้นการกระตุ้นการใช้จ่ายในส่วนนี้ทำให้คนเริ่มที่อยากจะไปใช้จ่าย และ คนที่อยู่ในภูมิลำเนาที่ไหนก็ใช้ได้แล้ว ไม่มีการจำกัดสิทธิ คนในกรุงเทพฯ ก็อาจจะใช้บริการต่าง ๆ ได้มาก”

เตรียมสานต่อ โครงการ เที่ยววันธรรมดา ราคา Shock โลก  

ภายหลังจากการเปิดตัวมาสองอาทิตย์ จากสถิติ พบว่า ผู้ที่เข้ามาใช้บริการมากที่สุด คือ ด้านตั๋วโดยสาร สายการบินต่าง ๆ รองผู้ว่าฯ เผยต่อว่า คนเข้ามาใช้บริการ ที่ขายดีที่สุด ในวันธรรมดา ราคาช็อคโลก จะเป็นตั๋วเครื่องบิน สายการบิน บางกอกแอร์เวย์ ออกแคมเปญไปแล้ว และตอนนี้การบินไทยก็จะออกแคมเปญเช่นกัน เป็นในแต่ละอาทิตย์ เช่นอาทิตย์นี้ 1,300 บาท แต่อาทิตย์หน้าอาจจะลดลงไปกว่านี้อีก อยากให้เข้าไปติดตามในเพจ

และที่ได้รับการตอบรับอย่างดีมาก คือ คนที่เข้าร่วมแคมเปญ ทุกวันศุกร์ ซื้อได้ในราคา 1 บาท ซึ่งก็ไปได้ทั้งครอบครัว ออกไปแล้ว สองรางวัล เป็นรางวัลแพคเก็จครอบครัว มูลค่ารางวัลละ แสนกว่าบาท

สิ่งที่ททท.อยากได้คือ ผู้ประกอบการในต่างจังหวัด ซึ่งเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการ เที่ยววันธรรมดา ราคา Shock โลก โดยมีการเสนอราคาพิเศษให้กับททท.เพื่อที่จะไปประชาสัมพันธ์ต่อ หลายรายบอกว่ามีผลตอบรับที่ดีมาก  ทีนี้ก็ต้องดูกันไปยาวๆ ช่วงสองเดือนสุดท้ายว่าผลตอบรับกับโครงการนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

สิ่งหนึ่งที่ทางผู้ประกอบการอยากได้คือ อยากเพิ่มเที่ยววันธรรมดา ราคา Shock โลก ให้มากกว่าวันที่ 31 ธันวาคม เขาบอกว่า จะมีแคมเปญของเขา ซึ่งทางรัฐบาลทำแคมเปญตั้งต้นให้แล้ว แต่ถ้าขายดีในวันธรรมดา ก็อยากจะใช้แคมเปญนี้ในการประชาสัมพันธ์ต่อว่า เขายังรับวันธรรมดาในราคาที่พิเศษอยู่ ซึ่งเห็นแนวโน้มที่ดีมาก ผู้ประกอบการเขาค่อนข้างพอใจกับแคมเปญที่เกิดขึ้น”

ตั้งเป้า 400 ล้านบาท

รองผู้ว่าฯ กล่าวต่อว่า เราออกมาสองแคมเปญ คือ “เที่ยววันธรรมดา ราคา Shock โลก” กับ “ร้อยเดียว เที่ยวทั่วไทย” บางคนก็ยังสับสน กลัวว่า ลงทะเบียนในวันธรรมดาแล้วจะไม่ได้สิทธิ ทัวร์ร้อยเดียว เราจะบอกว่า ทั้งสองแคมเปญนี้ เป็นแคมเปญที่แยกกัน แต่ว่า เป็นแคมเปญเรื่องการตลาดเช่นเดียวกัน ขอให้สมัครได้ทั้งสองแคมเปญ และก็จะได้สิทธิพิเศษที่แตกต่างกันออกไป ถ้าลงทะเบียน ร้อยเดียว เที่ยวทั่วไทยไม่ได้ ก็มาซื้อ เที่ยววันธรรมด ราคา Shock โลกได้ แต่สามารถลงทะเบียนได้ทั้งสองแคมเปญ เพราะคุณจะได้สิทธิที่จะได้จับฉลากสินค้าราคาพิเศษที่ทั้งสองแคมเปญให้อยู่แล้ว

ตอนนี้คนลงทะเบียนแล้ว 60,000 คน และซื้อวอยเชอร์ ประมาณ 30,000 กว่าคน มีการใช้จริงประมาณ 50 % เราจะมีการรวบรวมยอดการใช้จ่ายตลอด ก็ต้องรอ อย่างบางสายการบินก็ต้องรอสิ้นเดือนถึงจะรายงานได้ ว่ามียอดการใช้จ่ายเท่าไหร่ อย่างไร แต่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ 400 ล้านบาท ที่เป็นไดเรค คิดว่าน่าจะได้ตรงตามเป้า

ในส่วนของ ร้อยเดียว เที่ยวทั่วไทย ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก คนลงทะเบียนเยอะ แต่ก็มีแค่ 10,000 สิทธิ ซึ่งคนที่เข้าไปลงทะเบียนก็มีบ่นว่า เข้าไปแล้วรอช้ามาก เราก็เริ่มทำระบบที่ใช้เวลาที่เร็วขึ้น ตอนนี้ยังยืนไว้ที่ วันละ 10,000 สิทธิ์ ยังไม่มีเพิ่ม แต่ไม่แน่ ถ้าได้รับการตอบรับดีมากก็คงต้องเป็นนโยบายลงมา

หลังจากจบธันวาคม ตั้งเป้าไว้ว่า ไดเรคน่าจะ 400 ล้าน แต่ อินไดเรค น่าจะเกินแน่นอน

ส่วนผู้ที่เข้ามาใช้สิทธิ 10,000 กว่าสิทธิ ที่ได้รับความนิยมคือ มีร้านอาหาร สันทนาการ สวนสนุกก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ๆ นอกนั้นก็จะเป็น รถเช่า เรือยอร์ช ตอนนี้มีเรือยอร์ช ได้ 100 คน และมีของสมาคมเรือยอร์ช ก็ให้มาเรื่อย ๆ แต่ว่า เรือยอร์ชมีข้อจำกัดเรื่องวันและเวลา หนึ่งวันได้แค่ 2-3 รอบ 5 วัน ก็ประมาณ 10 เท่านั้น

สิ้นปีนี้ จะมีมาตรการของขวัญปีใหม่ ซึ่งตรงแคมเปญนี้ ถือเป็นสองมาตรการในการให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้แล้ว แต่รัฐบาล ชิม ช็อป ใช้ก็ต่อให้ถึงมกราคม สามารถลดได้ 20 %

ในส่วนของการท่องเที่ยว เรามีจัดแคมเปญส่งเสริม ไม่มีว่าจะเป็นเรื่องของการจัดอีเวนท์ เคาน์ดาวน์ ต่อเนื่องด้วย ปีนี้ตรุษจีนมาเร็ว จะมีกิจกรรมพิเศษต่อเนื่อง เพื่อให้คนไทยและชาวต่างชาติเที่ยวในประเทศไทย

การกระตุ้นตลาดจีน

อย่างที่ทราบกันดี นักท่องเที่ยวจีน ได้แห่แหนกันเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น แต่นั่นไม่ได้ทำให้ททท. หยุดนิ่ง แต่ยังคงส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง

คุณฐปนีย์ กล่าวต่อว่า “งานเทศกาลต่าง ๆ ที่จะจัดขึ้น เราเน้นส่งเสริมตลาดจีน ปีนี้ตรุษจีนจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีการเชิญศิลปินแห่งชาติจีน มาร่วมในงานตรุษจีนด้วย และปีนี้ได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีท่องเที่ยวของจีนที่จะเดินทางมาประเทศไทย มีการนำศิลปวัฒนธรรม มาแสดง ซึ่งก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้คนจีนได้เดินทางเข้ามา โดยเราให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวจีนแน่นอน

อีกทั้งยังเริ่มมีการประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง จะมีการจัดอีเวนท์ใหญ่ Amazing Thailand Marathon วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นงานอีเวนท์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีการปิดถนน มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเยอะมาก มีนักวิ่งจีน ที่มีชื่อเสียงก็มา ตลาดจีนได้มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวน อยากมากวิ่งผ่านเมืองที่กรุงเทพฯ เป็นตัวอย่างคร่าวๆ ด้านตลาดจีน เป็นการทำงานกับอาลีบาบา เป็นต้น”

เอาหล่ะ …..ทีนี้ก็อยู่ที่ เจ้าบ้านอย่างเราๆ ที่จะเตรียมพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวหรือไม่อย่างไร