สถาบันฯสิ่งทอ เปิดตัวผู้ประกอบการ 9 รายแรกของไทย ได้ฉลาก Smart Fabric หน้ากากผ้า

สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดตัว 9 ผู้ประกอบการ 10 โครงสร้างผ้า ผ่านการทดสอบฉลากคุณภาพหน้ากากผ้า Smart Fabric เร่งสร้างความมั่นแก่ผู้บริโภค พร้อมขยายศักยภาพด้านการวิเคราะห์ทดสอบ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในวิถีชีวิตแบบใหม่ New normal และรองรับ Medical Hub อาเซียน


(4 มิ.ย.63) ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยว่า สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้ดำเนินงานการพัฒนา ฉลากคุณภาพสิ่งทอไทย Smart fabric หน้ากากผ้า ในช่วงสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อไวรัส Covid-19 (เมษายน – พฤษภาคม 2563) มีผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม และกลุ่ม SMEs ให้ความสนใจส่งผ้าเข้าทดสอบเป็นจำนวนรวมกว่า 60 ราย เนื่องจากเห็นถึงความสำคัญ ความจำเป็นและความต้องการใช้หน้ากากผ้าของผู้บริโภคที่มากขึ้น โดยเฉพาะหน้ากากผ้าที่มีคุณภาพสามารถตรวจสอบแหล่งผลิตได้ ซึ่งถือเป็นความท้าทายเปลี่ยนวิกฤตสถานการณ์ดังกล่าว ให้เป็นโอกาสทางการตลาดของกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ และการปรับตัวพัฒนาผลิตภัณฑ์รองรับวิถีชีวิตแบบใหม่ New normal



โดยผลปรากฏว่า มีผู้ประกอบการผ่านการทดสอบจำนวน 9 ราย รวม 10 โครงสร้างผ้า พร้อมส่งผลสรุปเพื่อขออนุมัติความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารเครื่องหมายคุณภาพสิ่งทอไทย โดยอนุญาตให้ใช้ ตราสัญลักษณ์ Smart fabric หน้ากากผ้าได้ ประกอบไปด้วย
1.บริษัท อินเนอซิส จำกัด ชื่อรุ่น Air Protex 
2.บริษัท เช็พเอิด จำกัด ชื่อรุ่น MEDMASK 
3.บริษัท วาย.อาร์.ซี.เท็กซ์ไทล์ จำกัด 1) PRO FABRIC และ 2) PRO+ FABRIC
4.บริษัท พาลาดิน เวิร์คแวร์ จำกัด ชื่อรุ่น หน้ากากผ้าซักได้ BLUE BEAR รุ่น 3D BAMBOO PERMA
5.บริษัท สิ่งทอซาติน จำกัด ชื่อรุ่น ICECUBE
6.บริษัท อจินไตย จำกัด ชื่อรุ่น HUSK CLOTH MASK
7.บริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด ชื่อรุ่น FACE MASK
8.บริษัท แอลฟ่า โปรเซสซิ่ง (2 โครงสร้างผ้า) ชื่อรุ่น 1) MEECA TECHNO MASK 3D PLUS FILTER 2) MEECA TECHNO MASK 3D 
9.บริษัท โอเรียนตอล การ์เมนท์ จำกัด ชื่อรุ่น 1) EASY MASK และ 2) SMART MASK






สำหรับคุณสมบัติของหน้ากากผ้า Smart fabric คือ สามารถซัก และใช้ซ้ำได้ มีประสิทธิภาพในการคัดกรองและ ป้องกัน ฝุ่น ละอองไอจาม สารคัดหลั่ง ขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอน สวมใส่สบายหายใจได้ ปราศจากสารเคมีตกค้างและสารก่อมะเร็ง และหากเสริมด้วยคุณสมบัติพิเศษสะท้อนน้ำ ก็จะสร้างความมั่นใจอีกขั้นหนึ่งของการสวมใส่









ทั้งนี้ โดยในช่วงระหว่างการดำเนินงาน พบว่ามีการทดสอบบางหัวข้อต้องส่งไปทดสอบยังต่างประเทศ เพื่อให้ผลลัพธ์มีความเที่ยงตรงและแม่นยำมากที่สุด ประกอบกับเครื่องมือการทดสอบในประเทศไม่เพียงพอสถาบันฯ สิ่งทอ จึงได้เสนอเรื่องเพื่อขออนุมัติงบลงทุนเพิ่มจาก คณะกรรมการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ในการจัดหาเครื่องมือเพื่อให้การบริการทดสอบขยายขอบข่ายมากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาสิ่งทอสถานพยาบาล 

สำหรับผู้ประกอบการสิ่งทอ และบุคลากรทางการแพทย์สามารถจัดหาอุปกรณ์ป้องกันได้ภายในประเทศ ประกอบไปด้วย 
1. เครื่องทดสอบประสิทธิภาพการกรองแบคทีเรียของหน้ากากอนามัย (Bacterial & Viral Fitration Efficiency : BFE / VFE)
2. เครื่องทดสอบประสิทธิภาพการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กของหน้ากากอนามัย (Partical Fitration Efficiency : PFE)
3. เครื่องทดสอบการผ่านได้ของเลือดสังเคราะห์ (Synthetic Blood Penetration for liquid Barriers)
4. เครื่องทดสอบการหายใจได้ของหน้ากาก (Differential pressur) 
5. เครื่องทดสอบการผ่านได้ของเลือดสังเคราะห์และไวรัสของชุดป้องกันทางการแพทย์ (Synthetic blood Penetration and Viral Penetration)


การขยายขอบข่ายดังกล่าวจะนำมาซึ่งการรับรองมาตรฐานที่เพิ่มมากขึ้น สร้างโอกาสเติบโตให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย ให้สามารถเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอในมิติ เพื่อการปกป้อง การดูแลสุขภาพ หรือสิ่งทอทางการแพทย์ รองรับอุตสาหกรรม New S curve และรองรับ ไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตในวิถีแบบใหม่ (New normal) ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยคนไทย ลดการนำเข้า พร้อมผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิต และ Medical Hub ของอาเซียน 


หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจทดสอบผลิตภัณฑ์ และหน้ากากผ้า Smart fabric สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หน่วยบริการ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ โทร. 0 2713 5492 – 9 ต่อ 512-4 , 712 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.thaitextile.org/smartfabric facebook : Thailand Textile Institute