สกู๊ปพิเศษโครงการเนื่องมาจากพระราชดำริ

เชียงใหม่ (4) พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์

เชียงใหม่ (4) พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์

ตามรอยเส้นทางท่องเที่ยว โครงการพระราชดำริ ก้าวแรกสู่ ๙ ที่ยิ่งใหญ่”

นับเป็นอีกค่ำคืนหนึ่งกับที่พักแสนสบาย ณ นิรันดร์ โรแมนติค รีสอร์ท ริมลำน้ำปิง ซึ่งทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดให้คณะสื่อมวลชนและผู้แทนหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว ได้พักในช่วงที่ลงมาอยู่กลางเมืองเชียงใหม่ ที่นี่เราได้พบกับคุณธนิตา เอื้อตระกูล ผู้บริหารที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของสถานที่ไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งจะได้นำเสนอต่อไป

…..และเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปการเดินทางตามรอยพระบาท โดยจะไปกันที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ คุณปาริลยฉัตร ขันทนันต์ เจ้าหน้าที่หน่วยต้อนรับและแนะชมประจำพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ผู้รับหน้าที่พาคณะของเราเยี่ยมชมกันในแบบเป็นกันเอง

dsc_8366_resizeพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์

พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เป็นพระตำหนักที่ประทับในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นในปี 2504 และเพระราชทานนามพระตำหนักองค์นี้ว่า ภูพิงคราชนิเวศน์ โดยทรงเลือกจากหนึ่งใน 2 ชื่อที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อครั้งเป็นที่พระศาสนโสภณ เป็นผู้คิดชื่อถวาย คือ “พิงคัมพร” กับ “ภูพิงราชนิเวศน์”

พระตำหนักแห่งนี้ใช้เป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับแรมที่เชียงใหม่  เพื่อทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคเหนือ และทรงพระกรุณาฯ โปรดเกล้าฯ ใช้เป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะที่เสด็จฯเยือนประเทศไทย ซึ่งแต่เดิมจะประทับรับรองแต่ในพระนครหลวงเท่านั้น ที่ทรงเลือกสร้างที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากมีอากาศเย็นสบาย ภูมิประเทศสวยงาม อีกทั้งยังเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อนและผู้คนพลเมืองยังคงดำรงรักษาจารีตประเพณีอันดีงามได้อย่างดียิ่ง

พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ มีลักษณะแผนผังเป็นแบบเรือนไทยภาคกลาง ที่เรียกว่า “เรือนหมู่” มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นไทยประเพณีประยุกต์ยกพื้นสูง ชั้นบนเป็นที่ประทับ ชั้นล่างเป็นที่พักของข้าราชบริพาร ออกแบบแปลนโดย ม.จ.สมัยเฉลิม กฤดากร ออกแบบรูปด้านโดย ม.ร.ว.มิตรารุณ เกษมศรี และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ดำเนินการก่อสร้าง โดยมี ม.จ. สมัยเฉลิม กฤดากร รับหน้าที่อำนวยการสร้าง ม.ร.ว.มิตรารุณ เกษมศรี และนายประดิษฐ์ ยุวพุกกะ เป็นผู้ช่วย ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พลเอก หลวงกัมปนาท แสนยากร องคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์ในการวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม 2504

การก่อสร้างใช้เวลา 4 เดือนก็แล้วเสร็จ และได้ใช้รับรองพระราชอาคันตุกะเป็นครั้งแรกคือ สมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริคที่ 9 และสมเด็จพระราชินีอินกริดแห่งเดนมาร์ก เมื่อเดือนมกราคม 2505

dsc_8376_resize  dsc_8377_resize dsc_8362_resize

dsc_8345_resize  dsc_8388_resize

dsc_8298_resize  dsc_8299_resize

“ที่นี่เมื่อก่อนชาวเขาปลูกฝิ่น เพื่อให้เลิกสูบฝิ่น และจัดให้มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับหัตถกรรม” เจ้าหน้าที่นำทางพลางพาเดินผ่านดอกไม้หลากพันธ์”

dsc_8301_resize  dsc_8308_resize

dsc_8322_resize  dsc_8456_resize

“ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นไม้ดอก เช่น ดอกเจราเนี่ยมคล้ายดอกไฮเดนเยียร์ สามารถใช้ใบสกัดเป็นหอมระเหยกันยุงได้ ถ้าขยี้ตอนนี้ไม่สามารถกันยุงได้แต่ต้องเข้าห้องแล็บก่อน กล้วยไม้จะมีแวนด้าฟ้ามุ่ย ดอกโคมญี่ปุ่นเป็นดอกเล็กๆ

ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนจะมีความชื้นเกินจะทำให้เชื้อราเกาะติดอยู่ที่ดอกจะไม่ค่อยสวย ด้านหลังมีน้ำตกและเฟิร์นยักษ์ เวลาเดินผ่านมาด้านนี้จะรู้สึกสดชื่นจากละอองน้ำ เฟิร์นยักษ์เหมือนเวลาไปเที่ยวออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จะพบเฟิร์นเหล่านี้มาก”

เดินละเรื่อยขึ้นมา จะเห็นกุหลาบพันธ์ปีซึ่งต่างจากที่ดอยอินทนนท์ ที่เป็นพันธ์เลื้อยแต่ที่นี่เป็นพันธ์พุ่ม ส่วนอีกมุมหนึ่งเป็นสวนกุหลาบสไตล์อังกฤษจะมาแถบเมดิเตอร์เรเนียนแถบยุโรป”

เจ้าหน้าที่ชี้ชวนให้ชมหญ้าหอม เธอบอกว่า “ด้านล่างเรียกว่าหญ้าหอม หากเอามือตบๆ จะมีกลิ่นหอม เมื่อดมที่มือ กลิ่นหวานๆ คล้ายเฮลบลูบอย เป็นหญ้าหอม จะชอบในสภาพอากาศชื้นเหมือนมอส ส่วนใหญ่จะปลูกในขวด กักเก็บความชื้นไว้ในขวด

dsc_8319_resize  dsc_8332_resize

dsc_8346_resize ส่วนดอกไม้ไฮไลท์คือ ควีนส์สิริกิติ์ ดอกสีเหลือง”

ที่นี่หากไม่ให้เจ้าหน้าที่นำชม สามารถบริการเช่าเครื่องนำชมอัตโนมัติได้ มีให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว มีให้เลือกฟังหลายภาษา โดยจะแต่ละจุดที่น่าสนใจจะมีป้ายสัญลักษณ์เป็นรูปหูฟัง ติดตั้งเอาไว้

และเมื่อเดินขึ้นสู่ด้านบนเนินเขาเตี้ยๆ จะพบพลับพลาผาหมอนและสวนเฟิร์น แต่เดิมปลูกต้นไม้แบบสวนป่าธรรมชาติมีกระท่อมแบบชาวเขา สร้างด้วยไม้ไผ่หลังคามุงแฝก ใช้เป็นที่ประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถและเสวยพระกระยาหารในบางครั้ง ต่อมาได้มีการสร้างพลับพลาที่ประทับทำด้วยไม้สักทองแทนกระท่อมชาวเขา

สวนเฟิร์นธรรมชาติ รอบผาหมอนได้เริ่มดำเนินงานในปี 2536 โดยมีการนำเอาต้นเฟิร์นชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาออกแบบตกแต่งใหม่ให้กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด ต้นเฟิร์นหลายต้นที่ปลูกในบริเวณนี้ประมาณว่ามีอายุระหว่าง 60-100 ปี เป็นเฟิร์นพวกกูดต้น Tree ferns วงศ์ Cyatheaceae

dsc_8336_resize  dsc_8340_resize

dsc_8405_resize  dsc_8415_resize

dsc_8431_resize  dsc_8437_resize

เดินขึ้นไปจะพบอ่างเก็บน้ำ ที่มีน้ำพุอยู่ในอ่างเก็บน้ำ อ่างเก็บน้ำ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ในบริเวณพระตำหนัก ริมอ่างเก็บน้ำด้านข้างมีพลับพลาที่ประทับสร้างด้วยไม้สักทอง อ่างเก็บน้ำจะเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวที่จัดเป็นทั้งแบบประดิษฐ์และแบบธรรมชาติและในอ่างเก็บน้ำมีน้ำพุประกอบเสียงดนตรี ชื่อน้ำพุ “ทิพย์ธาราแห่งปวงชน”

dsc_8449_resize  dsc_8450_resize

ด้านบนเนิน มีพระตำหนักยูคาลิปตัส 1 มีชื่อเรียกว่า พระตำหนักยูคาลิปตัส ก่อสร้างตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงให้นำไม้ยูคาลิปตัสมาทดลองใช้ประโยชน์ ในการก่อสร้างที่พักอาศัยรูปแบบ Log Cabin โดยกองทัพบก (กองทัพภาคที่ 3 ) เป็นเจ้าของโครงการดำเนินงาน มีนายกิตติ คุปตะวินิจ เป็นสถานิกออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2534 ซึ่งได้พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีเป็นประธานในพิธียกเสาเอก เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2534 และก่อสร้างพร้อมตกแต่งแล้วเสร็จต้นเดือนมกรคา 2535

ภายในบริเวณพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ยังมีพระตำหนักยูคาลิปตัส 2 เป็นพระตำหนักยูคาลิปตัสแบบ Log cabin อีกหลังหนึ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 มีพระราชเสาวนีย์ให้สร้างขึ้น เพื่อพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 สำหรับทรงใช้เป็นที่ประทับ โดยก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2536 มีนายกิตติ คุปตะวินิจ เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบแปลนและควบคุมการก่อสร้าง

นอกจากนี้ มีพระตำหนักพฤกษาวิสุทธิคุณ ที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ออกแบบโดย ม.ร.ว. มิตรารุณ เกษมศรี

สวนสุวรี เป็นสวนกุหลาบที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชเสาวนีย์ให้ดำเนินการจัดสร้างเมื่อปี 2542 และพระราชทานนามว่า สวนสุวรี เพื่อเป็นการรำลึกถึง ท่านผู้หญิงสุวรี เทพาคำ นางสนองพระโอษฐ์ที่ถึงแก่อนิจกรรม

dsc_8477_resize  dsc_8443_resize

…………………………………………………………………………………………………………

การเดินทางตามรอยพระบาท ในครั้งนี้ไปจบลงที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ก่อนที่บินยังกรุงเทพฯ ด้วยสายการบินไทยสมายล์ เป็นการปิดทริปอย่างสมบูรณ์

ทั้งนี้ทางผู้เขียนได้พยายามเรียบเรียงข้อมูลจากเอกสาร จากคำบอกเล่า จากเจ้าหน้าที่ จากการสัมภาษณ์บุคคลเท่าที่จะมี อาจจะยาวมากไปบ้าง ไม่ครบถ้วนบ้าง  ด้วยเพราะในบางแห่งเรื่องราวที่นำมาร้อยเรียงล้วนแล้วแต่สำคัญ จึงหยิบยกได้เพียงเศษเสี้ยว ในสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงพระราชทานไว้ให้กับพวกเราชาวไทยทุกคน

หากแต่อย่างน้อยที่สุดสำหรับผู้จัดทำเวปไซต์ biztripnews เวปไซต์ที่มีทีมงานเพียงไม่กี่คน และเกิดขึ้นมาไม่นาน บันทึกเรื่องราว เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยพระบาท ก้าวแรก สู่ ๙ ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อว่า….จะก่อให้เกิดการเรียนรู้เรียนรับ…. การสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ…. การเผยแพร่พระอัจฉริยะภาพและความเมตตาของพระองค์ท่าน ผู้เขียนได้ใช้คำที่พ่อสอนแล้ว……

                                                                                  “ความเพียร”

…………………………………………………………………………………………………………………….

พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เปิดให้เยี่ยมชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30- 11.30 (รอบเช้า)และ 13.00-15.30 น. (รอบบ่าย) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 053 22 3065 หรือ 053 21 9932 ต่อ 101 หรือ 115 (กรุณาแต่งกายสุภาพ) งดเข้าเยี่ยมชมระหว่างการเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับแรม (ประกาศแจ้งให้ทราบล่วงหน้า) www.bhubingpalace.org

         

         ร้านอาหารกาแล 

dsc_8501_resize  dsc_8503_resize

dsc_8485_resize  dsc_8495_resize

dsc_8490_resize  dsc_8487_resize