ข้าวแช่สุวรรณภูมิ

“ข้าวแช่” เป็นอาหารของชาวมอญ ซึ่งในอดีตนิยมทำขึ้นเพื่อถวายเทพยดาและพระสงฆ์ในช่วงวันสงกรานต์ จนคนในวังไปพบเห็นชาวมอญทำข้าวแช่ในช่วงสงกรานต์เพื่อคลายร้อน เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา จึงนำขึ้นถวายพระมหากษัตริย์เมื่อสมัย รัชกาลที่ 4-5 

ด้วยความซับซ้อนของการทำ "ข้าวแช่" ทั้งเรื่องข้าว อันเป็นวัตถุดิบหลัก วิธีการทำน้ำอบควันเทียนให้หอม การจัดทำเครื่องเคียง รวมถึงขั้นตอนการกินที่มีลักษณะเฉพาะ จึงเป็นอาหารชาววังที่ไม่ได้ทำกินอย่างแพร่หลาย แต่ก็หารับประทานได้ในทุกปี โดยเฉพาะกับทางโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ที่จัดเครื่องเคียงเอาไว้แบบแตกต่างจากที่อื่น โดยมีเครื่องเคียงถึง 9 ชนิด





 

“เชฟบังอร มาลาเล็ก” หัวหน้าครัวไทย โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า ข้าวแช่เป็นอาหารมอญ ที่เริ่มต้นเข้ามาเป็นสำรับในวังในอดีต เนื่องจากมีคนในวังไปพบเห็นชาวมอญทำข้าวแช่ในช่วงสงกรานต์ และเป็นอาหารว่างที่รับประทานแล้วชื่นใจ เหมาะกับหน้าร้อนของเมืองไทย จึงได้นำเมนูนี้เข้ามาเป็นหนึ่งในสำรับเพื่อถวายพระมหากษัตริย์ (ราวสมัยรัชกาลที่ 4- รัชกาลที่ 5)



 

 

ในช่วงหน้าร้อนของทุกๆ ปี โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต มีการรังสรรค์เมนูข้าวแช่เป็นเมนูพิเศษประจำฤดูร้อน เช่นเดียวกับปีนี้ ได้นำเสนอ “ข้าวแช่สุวรรณภูมิ”  ซึ่งเป็นข้าวแช่ตามแบบฉบับของ “หม่อมหลวงบัว กิติยากร” รังสรรค์โดยเชฟบังอร เชฟครัวไทยที่มีฝีมือดี การันตีด้วยรับรางวัลพระราชทานต่างๆมากมาย และพิเศษยิ่งกว่าสำหรับปี 2564 ด้วยการแนวคิด “ข้าวแช่สุวรรณภูมิ”  เพื่อสะท้อนแนวคิดคุณค่าแห่งความเป็นไทย และความเป็นสิริมงคลในช่วงวันสงกรานต์นี้





 

ในช่วงหน้าร้อนของปีนี้  เชฟได้ตั้งใจรังสรรค์เครื่องเคียง 9 ชนิดเพื่อให้สอดคล้องกับเลขมงคลของชาวไทย พร้อมประดับทองคำเปลวบนเครื่องเคียงเพื่อเป็นสิริมงคลและตอกย้ำในความหมายของคำว่าสุวรรณภูมิ “ดินแดนแห่งทองคำ” ข้าวแช่สุวรรณภูมินอกจากจะเป็นเมนูคลายร้อนแล้ว ยังถือเป็นของฝากอันล้ำค่าสำหรับเทศกาลสงกรานต์



ผักแนมที่แกะมาอย่างละเมียดละไม อาทิ มะม่วง กระชาย แตงกวา ฯลฯ กินแกล้มเพื่อตัดเลี่ยนอย่างเอร็ดอร่อย

สัมผัสความสดชื่นไปด้วยการเริ่มต้นลิ้มรสความหอมสดชื่นจากน้ำลอยดอกมะลิอบควันเทียนที่เชฟบังอรนำข้าวหอมมะลิมาหุงและบรรจงขัดข้าวให้ขึ้นเงาจากนั้นจึงนำมานึ่งอีกครั้งก่อนนำมาแช่กับน้ำอบควันเทียน เชฟบังอรได้ใช้เวลาบรรจงรังสรรค์เครื่องเคียงและผักแนมแกะสลักอย่างละเมียดละไม



ลูกกะปิ เคี่ยวนานถึง 8 ชั่วโมง การเลือกใช้ไข่เค็มไชยา ที่มีความมันและให้สีสดสวยงาม ในส่วนของกะปิชุบไข่ทอดไฮไลท์หลักของข้าวแช่ที่ใช้เวลาผัดให้เข้ากันนานถึง 8 ชั่วโมง เพื่อให้กะปิและเครื่องผัดรวมกันเป็นเนื้อเดียว, ปลาช่อนแห้งผัดหวาน, หัวไชโป๊วผัดหวาน, หัวไชโป๊วผัดไข่, หมูฝอย, เนื้อฝอย, หอมยัดไส้ปลาชุบแป้งทอด, พริกหยวกสอดไส้หมูผสมกุ้ง และไข่แดงเค็มชุบไข่ขาวทอดได้ความหอมมันของไข่แดง

เชฟได้นำปลาสลิด ของดีประจำจังหวัดสมุทรปราการ เพิ่มความหลากหลายให้กับเครื่องเคียง

เนื้อฝอยจัดแยกออกจากสำรับ สำหรับคนรับประทานเนื้อ สามารถแจ้งได้

เพื่อประสบการณ์การรับประทาน “ข้าวแช่สุวรรณภูมิ” ที่ดีที่สุดควรเริ่มจากการทานของคาวที่สุดก่อนอย่างลูกกะปิ เคี้ยวให้ได้ลิ้มรสชาติ แล้วจึงตักข้าวแช่ขึ้นทานตามพร้อมน้ำลอยดอกไม้สักเล็กน้อย รสชาติความเข้มข้นของเครื่องเคียงจะผสมผสานกับความเย็นของข้าวแช่ จากนั้นจึงตามด้วยเครื่องเคียงหวานอย่างปลาช่อนแห้งผัดหวาน และเครื่องคาวอื่นๆ สลับสับเปลี่ยนได้ตามชอบ โดยทานคู่กับผักแนมที่เชฟบังอรได้แกะสลักผักสดไว้สำหรับทานแกล้มอย่างประณีตงดงาม ไม่ว่าจะเป็น มะม่วงแก้วขมิ้น กระชาย ต้นหอม และแตงกวา

ไม่ควรตักเครื่องเคียงมาใส่ในถ้วยข้าวหรือมารวมอยู่ช้อนเดียวกันเพราะจะทำให้ความมันและความคาวจากเครื่องปรุงต่างๆ ปะปนลงไปในถ้วยทำให้น้ำดอกไม้มีกลิ่นคาวหรือไม่หอมกลมกล่อมเท่าที่ควร

เป็นอีกหนึ่งการรอคอยที่ไม่ผิดหวัง เพราะปีนี้ ข้าวแช่สุวรรณภูมิ นอกจากเอกลักษณ์อันทรงคุณค่า มาพร้อมเครื่องเคียงหลากหลาย พิถีพิถันอย่างละเมียดละไม นอกจากสัมผัสรสที่หลากหลาย ยังกรุ่นกลิ่นแห่งความหอมหวานอบอวล

ไม่เพียงลิ้มรสให้ชื่นกาย แต่เป็นจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผ่อนคลายลงด้วย



นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังได้จัดเมนูพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยกับข้าวมันไก่เนื้อนุ่มเอาไว้ให้บริการในราคาแพคเกจสุดพิเศษอีกด้วย 





 

  

 

รวมถึงสลัดหน้าตาน่าทาน

 



 

 

ข้าวแช่สุวรรณภูมิ

ห้องอาหารศาลาไทย โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิแอร์พอร์ต

เวลา 11.30 – 14.30น. ราคาชุดละ 780 บาท (กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า)

ชุดตะกร้าสานสั่งกลับบ้านราคาชุดละ 990 บาท (สั่งจองล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง)



สามารถเลือกจุดรับได้ที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต หรือโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพฯ สยามสแควร์

สั่งจองข้าวแช่สุวรรณภูมิล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้  เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ 1 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564 พิเศษสำหรับสมาชิกแอคคอร์พลัส รับส่วนลดค่าอาหารเพิ่ม 10% จากราคาปกติ