กรมควบคุมโรค เร่งควบคุมการระบาดโรคโควิด ส่งทีมปฏิบัติการจากสคร. 12 แห่ง ลงพื้นที่ร่วมกับจังหวัดเน้นการตรวจเชิงรุก

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เร่งควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อใหม่แบบคลัสเตอร์ วันที่ 15 ส.ค. 64 พบ 16 คลัสเตอร์ จึงได้ส่งทีมปฏิบัติการจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคประจำเขตสุขภาพ 12 แห่ง ร่วมลงพื้นที่กับทีมจังหวัด เน้นค้นหาเชิงรุก เผยผลการดำเนินการที่ จ.บุรีรัมย์ พบคลัสเตอร์ใน 3 หมู่บ้าน ที่ อ.หนองหงส์ ยืนยันติดเชื้อ 4 ราย อยู่ระหว่างรอผลอีก 162 ราย ส่วน จ.นครราชสีมา ผลการเฝ้าระวังสถานประกอบการ 3 แห่ง ตามแนวทางบับเบิลแอนด์ซีลปรากฏว่าได้ผลดี สามารถจัดบริการฉีดวัคซีนให้ลูกจ้างครบ 2 เข็มได้ครบ 100 % 


วันนี้ (16 สิงหาคม 2564) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้เร่งป้องกันควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทั่วประเทศ ซึ่งในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 นี้ มีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,157 ราย พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนหรือคลัสเตอร์ใหม่อย่างต่อเนื่อง จึงได้ส่งทีมปฏิบัติการจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรค (สคร.) ทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ 

ที่ดูแลเขตสุขภาพครอบคลุม 76 จังหวัด ไม่รวมกทม. ร่วมกับทีมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคในพื้นที่รับผิดชอบทั้งในหมู่บ้าน ชุมชน และสถานประกอบการต่างๆ เน้นการตรวจเชิงรุก (Active Case Finding :ACF) ค้นหาผู้ติดเชื้อรายใหม่และกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสโรคได้อย่างรวดเร็ว นำเข้าสู่ระบบการดูแลตามมาตรการ เพื่อยุติการแพร่ระบาดให้ได้โดยเร็ว



 

ด้านนายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ในเขตสุขภาพที่ 9 ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ พบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,385 ราย ยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นมา มีจำนวนรวม 33,685 ราย 

พบทั้งในชุมชนและการระบาดแบบกลุ่มก้อนในสถานประกอบการ ขณะนี้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมกับทีมสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ 4 จังหวัดอย่างต่อเนื่อง เน้นการตรวจเชิงรุก (Active Case Finding) เพื่อค้นหาผู้ป่วยโควิด 19 รายใหม่ เพื่อนำเข้าสู่ระบบการดูแลอย่างรวดเร็ว 


นายแพทย์ธีรวัฒน์ กล่าวว่า ผลการดำเนินการวันที่ 14-15 สิงหาคม 2564 ตรวจเชิงรุกด้วยชุดทดสอบเอทีเค (Antigen Test Kit :ATK) ที่ อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งพบมีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใน 3 หมู่บ้าน คือบ้านเสาเดียว หมู่ 1 ,บ้านไทรงาม ต.เสาเดียว และที่บ้านโนนงิ้ว ต.ห้วยหิน เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อรายใหม่ในหมู่บ้าน ผลการตรวจที่บ้านเสาเดียว หมู่ 1 และบ้านไทรงาม ตรวจทั้งหมด 352 ราย แบ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง 89 ราย เก็บสารคัดหลั่งส่งตรวจยืนยันการติดเชื้อด้วยวิธีอาร์ทีพีซีอาร์ ( RT-PCR) ผลพบเชื้อ 4 ราย 

ผู้ที่ผลเป็นลบให้กักตัวที่บ้านจนครบ 14 วัน ที่เหลืออีก 263 รายเป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ ผลการตรวจสอบด้วยชุดทดสอบฯ เป็นลบทุกราย ส่วนที่บ้านโนนงิ้ว ตรวจทั้งหมด 651 ราย แบ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง 162 ราย เก็บสารคัดหลั่งส่งตรวจยืนยันการติดเชื้อด้วยวิธีอาร์ทีพีซีอาร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล ที่เหลืออีก 489 ราย เป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ ผลการตรวจด้วยชุดทดสอบฯเป็นลบทุกราย


นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการเฝ้าระวังในสถานประกอบการที่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา โดยร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สาธารณสุขอำเภอโชคชัย และโรงพยาบาลโชคชัย ประชุมปรึกษาหารือกับผู้แทนของผู้ประกอบการ 3 แห่งที่พบการระบาดของโรคโควิด 19 ได้แก่ บริษัทคาร์กิลล์มีทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด,บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้เชน จำกัด (ไก่ย่างห้าดาว) ในการป้องกันและควบคุมโรคตามแนวทางบับเบิลแอนด์ซีล (Bubble and Seal) เพื่อควบคุมการระบาดในสถานประกอบการและป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดสู่ชุมชน 

ในเบื้องต้นพบว่าสถานประกอบการทั้ง 3 แห่ง มีศักยภาพดำเนินการได้ดี จนถึงการจำหน่ายออกจากแนวทางบับเบิลได้ เนื่องจากสามารถจัดบริการให้วัคซีนโควิด 19 แก่ลูกจ้างครบ 2 เข็ม ได้ครบ 100% นอกจากนี้ สคร.9 ยังร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโตนด เฝ้าระวังโรงงานในเขตอุตสาหกรรมสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา คือ บริษัท เอ็ม.เอ็น.ที จำกัด ผลการตรวจด้วยชุดทดสอบเอทีเค จำนวน 498 คน ผลเป็นลบทั้งหมด ยังคงเฝ้าระวังการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในโรงงานอีก 3 แห่ง อย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ขอให้ประชาชนทุกคนเคร่งครัดในมาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยการใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง ไม่ไปในสถานที่แออัดหรืออากาศถ่ายเท ไม่สะดวก และเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด 19 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422