กรมควบคุมโรค ผนึกกำลังเครือข่าย ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ให้ “กลุ่มอาสาสมัครแรงงานข้ามชาติ”

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ผนึกกำลังเครือข่าย WHO, NGOs และมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ที่ได้รับมอบจากองค์การสหประชาชาติ ให้แก่กลุ่มอาสาสมัครแรงงานข้ามชาติที่ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันควบคุมโรคร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และเร่งกระจายฉีดวัคซีนใน 5 จังหวัดชายแดนและกทม. คาดแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้




นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค มอบหมายให้สัตวแพทย์หญิง เสาวพักตร์ ฮิ้นจ้อย ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ พร้อมด้วยผู้แทนจากองค์การอนามัยโลก ประจำประเทศไทย (WHO) องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) และมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เยี่ยมชมและติดตามผลการดำเนินงานการให้บริการฉีดวัคซีนแก่อาสาสมัครแรงงานข้ามชาติที่ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและควบคุมโรคโควิด 19 ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ที่ศูนย์บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ของโรงพยาบาลเจ้าพระยา เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร




 

สัตวแพทย์หญิงเสาวพักตร์ กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) ประจำประเทศไทย ได้มอบวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า (AstraZeneca) ให้กับกรมควบคุมโรคเพื่อฉีดสร้างภูมิคุ้มกันโรคในกลุ่มอาสาสมัครแรงงานข้ามชาติที่อยู่ในประเทศไทย และช่วยกระทรวงสาธารณสุขในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด 19 ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยการให้บริการข้อมูลความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับโรคโควิด 19 เป็นภาษาเพื่อนบ้านร่วมกับสายด่วนของกรมควบคุมโรค 1422 และปฏิบัติงานร่วมกับเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 มาอย่างต่อเนื่อง 

โดยวัคซีนที่ได้รับมอบครั้งนี้ได้กระจายไปยังศูนย์บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ใน 5 จังหวัดชายแดน ได้แก่ โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่, โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก, สำนักงานสาธารณสุขอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และโรงพยาบาลกรุงเทพ-หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา คาดว่าจะดำเนินการฉีดเสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม 2564 นี้ 


ทั้งนี้ การป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ในกลุ่มแรงงานข้ามชาติต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาลและเอกชนรวมถึงเครือข่ายระหว่างประเทศ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด 19 เป็นต้นมา 

กลุ่มอาสาสมัครแรงงานข้ามชาติ ได้สนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขในหลายด้าน อาทิ การลดช่องว่างการสื่อสาร เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลสุขอนามัยและสาธารณสุขในพื้นที่ที่มีแรงงานข้ามชาติอาศัยอยู่ ทั้งด้านการป้องกันและควบคุมกันโรค จึงต้องฉีดวัคซีนจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เนื่องจากต้องปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งหากติดเชื้อจะสามารถป้องกันอาการป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตได้