“นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ” MOU พัฒนาองค์ความรู้โรคเบาหวาน ในโครงการ “จากใจถึงไต ห่างไกลเบาหวาน”

 โดยมี รศ.นพ. เพชร รอดอารีย์ เลขาธิการสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ภญ.เยาวเรศ สุเมธวานิชย์ Head of Market Access & Healthcare Affairs และพญ. ลัคนา กาญจนกูล Head of Medical ร่วมเป็นสักขีพยาน

กรุงเทพฯ – โครงการ “จากใจถึงไต ห่างไกลเบาหวาน” มุ่งเน้นเผยแพร่และสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับโรคเบาหวานและโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเบาหวาน อาทิ โรคหัวใจล้มเหลว โรคไตวายเรื้อรัง เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรค รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองและคนรอบข้างผ่านกิจกรรมและการสื่อสารหลากหลาย โดยผู้ที่สนใจสามารถขอข้อมูลความรู้ผ่านทางไลน์ @HealthyDM และเฟสบุ๊ค “จากใจถึงไต ห่างไกลเบาหวาน”


“ศ. เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์” นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ได้กล่าวว่า “โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่กำลังเป็นปัญหาทั่วโลก ขณะนี้มีคนไทยเป็นโรคเบาหวานประมาณ 5.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 200,000 – 300,000 คนทุกปี เป็นที่รับรู้ทั่วกันว่าโรคเบาหวานทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ทั่วร่างกาย ที่สำคัญคือ ที่หัวใจ สมอง และไต เกิดโรคแทรกซ้อนจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิตลดลง อาจทุพลภาพ อายุสั้นเสียชีวิต ก่อนวัยอันควร สาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานในประเทศไทยอันดับต้นๆ คือ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตวาย นอกจากนี้ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นและเป็นเหตุให้เสียชีวิตด้วย 

การร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเผยแพร่องค์ความรู้เรื่องเบาหวานและโรคแทรกซ้อนให้เข้าถึงประชาชนได้อย่างกว้างขวาง ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและน่าสนใจ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการดูแลตนเองให้เกิดการป้องกันโรคเบาหวานและโรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน นำไปสู่สุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน” 


“คุณโรดิโก้ เลา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเผยแพร่ความรู้ผ่าน สื่อโซเชียลมีเดีย และอัพเดทความรู้ใหม่ๆ อาทิเช่น เรื่องอาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจหรือโรคไต เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะทำให้คนไทยมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานและอัตราการเกิดโรคแทรกซ้อนลดลง ความร่วมมือในครั้งนี้จึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยยกระดับความรู้ในการดูแลรักษาโรคเบาหวานเพื่อป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคเบาหวานให้ดียิ่งขึ้น”