“ช.ส.ท.” พาเซอร์เวย์ตะลอนสุข … เปิดประสบการณ์สุดสนุก @ วิถีเมืองกาญจน์

เมื่อไม่นานมานี้  B tripnews ได้รับโอกาสให้ร่วมเดินทางไปกับทริปซึ่งจัดขึ้นโดย ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว นำโดยคุณเพลินพรรณ สุจริตกุล ที่ปรึกษาอาวุโส คุณแต๊ก - กันตะพงษ์ ธนะเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย พาคณะสื่อมวลชนจากส่วนกลางกว่า 30 ชีวิต ตะลอนเดินทางและสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี รวมถึงถวายผ้าป่าบูรณะศาสนสถานและศาสนวัตถุ ณ วัดพระธาตุเหมืองปิล็อก เนื่องในโอกาสครบรอบ 37 ปี ช.ส.ท.

DAY 1

... โดยเริ่มต้นการเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ของวัน ระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปเมืองกาญจน์ ไม่ไกลนักเพียงสองชั่วโมงเศษ  นั่นทำให้ไม่นานเราก็มาประเดิมสถานที่แรกกัน  ต้นจามจุรียักษ์ คือโลเกชั่นแรกที่อยากจะแนะนำกัน ที่นี่มีลานจอดรถกว้างขวางรอรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก มีร้านรวงเล็กๆ จากแม่ค้าแม่ขายในชุมชน กระจัดกระจายตามทางเดิน เข้าสู่ภายในจะพบต้นจามจุรีขนาดใหญ่อายุมากกว่า 100 ปี ขนาด 10 คนโอบ เส้นรอบวงประมาณ 15 เมตร สูงถึง 20 เมตร



“เมื่อก่อนนี้ไม่ได้มีการทำทางเดินไม้ล้อมรอบทำให้คนที่เข้ามาถ่ายภาพเหยียบย่ำไปบนรากที่แผ่กระจายเรี่ยพื้นดิน ทำให้เกิดความเสียหายคะ” พี่ร่วมทางที่เคยมาที่นี่ตั้งแต่แรกๆ เล่าให้ฟัง

ก็เรียกว่า ทำได้ดีทีเดียว เพราะนอกจากจัดทำสะพานไม้เป็นทางเดินขนาดใหญ่ล้อมรอบเพื่อไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังใช้ไม้ในการจัดสร้าง เข้ากับธรรมชาติสวยงาม สามารถเดินเล่นหรือนั่งชื่นชมได้สบายๆ



หลังจากนั้นก็ไปกันต่อที่ Skywalk แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดที่ต้องไปเช็คอิน ! วันนี้เราจึงเห็นนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศแวะเวียนกันเข้ามา โดยเมื่อมาถึงซื้อบัตรเข้าชม แล้วนั่งรอคิวภายในเต็นท์ เพื่อเข้าไปภายใน เพราะต้องจำกัดจำนวนคนเข้าไป สำหรับใครที่มีสัมภาระทุกชนิดก็มีล็อคเกอร์ไว้ให้ มีถุงครอบรองเท้าให้ใส่เพื่อป้องกันไม่ให้สกายวอล์คเกิดการเสียหาย แนะนำว่าสิ่งที่จะติดตัวไปได้คือกล้องและมือถือสำหรับถ่ายภาพ แล้วก็ขึ้นลิฟต์ไปจอดชั้น สกายวอล์ค เดินเล่นถ่ายรูปชิลๆ ได้เลย



Skywalk Kan แห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณท่าน้ำหน้าเมืองกาญจนบุรี ตำบล บ้านใต้ อำเภอเมืองกาญจน์ หรือจะตั้งจีพีเอสก็สามารถหาได้ไม่ยาก







...หลังจากคณะชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว ได้เข้าร่วมในกิจกรรม River Kwai SUP Fun Fest 2022 จัดขึ้นครั้งแรกในลักษณะของมหกรรมกระดานยืนพายและเรือพายท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ททท. กาญจนบุรี ร่วมกับพันธมิตรจัดกิจกรรม  River Kwai SUP Fun Fest 2022 ณ บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว โดยในครั้งนี้ไม่เพียงแต่นักซัพบอร์ด บุคคลทั่วไปทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น ยังมีสื่อมวลชนเข้าร่วมพายเพื่อเก็บเป็นความทรงจำในการร่วมงานครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ด้วย





บริเวณลานริมน้ำ มีการจัดกิจกรรมต่างๆ มีการออกร้าน การแสดงดนตรี และเป็นจุดนัดพบของเหล่าผู้ที่จะไปพายกระดานยืนพายกัน โดยมีเจ้าหน้าที่อบรมการพายก่อนสำหรับผู้ที่จะร่วมพาย ส่วนใครไม่ถนัดก็นั่งชม ชิลกับอาหารและเครื่องดื่มกันไป







นางสาวสรียา  บุญมาก  ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกาญจนบุรี เผยว่า  กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco Friendly) ประเภทกระดานยืนพายหรือที่เรียกว่าซับบอร์ด (Stand Up Paddle Board : SUP)  เป็นที่นิยมในประเทศไทย โดยเฉพาะ จ.กาญจนบุรี  การจัดงานครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ โดยในการพายซับที่มีให้เลือกหลากหลายความชอบ เช่น พายในเขื่อน ในแม่น้ำแควน้อย แม่น้ำแควใหญ่ หรือแม้แต่ในทะเลสาบเหนือเขื่อนต่างๆ  นักพายซับต่างชื่นชอบ



ด้วยเพราะการจัดการ ที่มีเหล่าเจ้าหน้าที่เข้ามาให้ความรู้และมีระบบความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาร่วมกิจกรรมต่างเชื่อมั่นในความปลอดภัยและร่วมลงพายถึงสองร้อยกว่าชีวิต













สำหรับสื่อมวลชนที่ไม่ได้ลงร่วมกิจกรรม ก็จะถูกจัดให้เดินทางไปยัง โรงงานกระดาษไทย กาญจนบุรี อาคารเก่าแก่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และคุณค่าทางจิตใจของคนเมืองกาญจน์ ตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองเก่า สามารถจอดรถได้ด้านหน้าอาคาร หน้าทางเข้าจะมีเจ้าหน้าที่รปภ.และมีประตูกั้นไว้ เขียนป้ายห้ามเข้า ซึ่งหมายถึงห้ามนำรถเข้า แต่สามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปและเยี่ยมชมได้

























สามารถมาเป็นคณะบุคคลหรือ หมู่คณะก็ได้และต้องการคนนำชม โทร 089 411 5363 หรือสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กาญจนบุรี โทร 034 511200

เจ้าหน้าที่จากททท.กาญจน์ นำชมสถานที่
ซึ่งหลังจากเดินเยี่ยมชม ก็เป็นเวลาที่พอดีกับนักพายซัพบอร์ด ซึ่งพายผ่านเส้นทางธรรมชาติและมาจบกันที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว สวยงามมาก

 

Day 2

… วันนี้คณะของเราเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า โดยมี ททท.กาญจนบุรี และ พี่แต๊ก - กันตะพงษ์ ธนะเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย จัดตำแหน่งหัวขบวนพารถตู้ 4 คันของคณะขึ้นไปยังปิล็อก หมู่บ้านอีต่อง อ.ทองผาภูมิ



การเดินทางค่อนข้างคดเคี้ยว ไล่ละเรื่อยไปตามเขา ถนนแคบ สูงชันบางขณะ ต้องบอกว่า หากไม่ได้ผู้นำทางที่เชี่ยวชาญอย่าง พี่แต๊ก - กันตะพงษ์ การเดินทางคงไม่สะดวกและปลอดภัยเช่นนี้

วันนี้มีเหตุติดขัดบางประการที่ทำให้คณะของเรา ไม่สามารถเข้าไปยังเหมืองเก่าได้ ได้แต่แวะชมวิวทิวทัศน์กันที่ จุดชมวิวเนินสวรรค์









น้ำตกสะพานลาว

แวะกันที่น้ำตกสะพานลาว น้ำตกขนาดเล็ก อยู่ด้านหลังวัดสะพานลาวประชาสรรค์ สามารถจอดรถได้ที่ลานวัด แล้วเดินไปเพียง 150 เมตร ก็จะพบน้ำตกสะพานลาวที่สวยงาม เดินทางสะดวกสบาย ถนนลาดยางตลอดสาย







ระหว่างการเดินทางไปยังปิล็อก สามารถแวะเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ที่นี่มีข้อมูลต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยว มีลานกางเต็นท์ มีจุดชมวิว เนินช้างเผือกเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวของเขาช้างเผือกอันเขียวขจีอยู่เบื้องหน้า หากมาในช่วงฝนตกใหม่ๆ อาจได้เห็นสายหมอกฝน ลอยคลอเคลียเหนือยอดเขียวตัดกันอย่างสวยงาม เขาช้างเผือกเป็นอีกเส้นทางเดินป่ายอดนิยมของนักผจญภัยที่หากเอ่ยชื่อแล้วน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก

ถัดจากจุดชมวิวเนินช้างเผือก คือ จุดชมวิวเนินช้างพลาย ที่จัดทำเป็นระเบียงชมวิวเช่นกัน แต่ระเบียงชมวิวจะอยู่ในระดับที่ต่ำลงอีกนิด แต่สามารถมองเห็นวิวทิวเขาได้แบบกว้างไกลและสวยงามมาก จุดนี้จะเห็นทั้งทิวเขาข้างเผือกและเขื่อนวชิรลงกรณ์ที่อยู่ด้านล่างแบบไกล ๆ


ทองผาภูมิ ปิล็อก

เราเดินทางกันต่อไปยัง ทองผาภูมิ - ปิล็อก กันเลย โดยไปพักกันภายในหมู่บ้านอีต่อง ซึ่งถือเป็นจุดหมายปลายทางที่หลายคนตั้งอกตั้งใจที่จะเข้ามาเยือน ด้วยเพราะชื่อเสียงของความเป็นเมืองเงียบสงบ ปกคลุมด้วยสายหมอก สวยงาม มีความเป็นธรรมชาติอย่างมาก ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่ใครมาก็ต้องมนต์เสน่ห์ ด้วยเพราะการเดินทาง 399 โค้ง และเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ทำให้ยังคงตึกรามบ้านช่องยังคงเดิม ๆ มีแต่งแต้มสีสันบ้างก็ตรงที่พัก ซึ่งที่พักส่วนใหญ่เป็นขนาดเล็ก ห้องพักไม่มีแอร์ มีแต่พัดลม เราพักกัน ที่ ปิล๊อกการ์เดนฮิว Pilok Garden Hill  ที่นี่มีห้องสำหรับ 2- 3 คนและแบบ 6 – 8- 10 คน แล้วแต่จำนวนของผู้มาเยือน







ด้านบนเป็นร้านหมูกระทะ (อีกแล้ว ... ยอดฮิตมากสำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่มีอากาศเย็น ) อาหารมื้อเย็นของเราก็คือหมูกระทะเช่นกัน แต่ก็นับว่าสุดยอด..น้ำจิ้มอร่อย...หมูนุ่ม





เนินช้างศึก

ส่วนที่พลาดไม่ได้คือกิจกรรมชมพระอาทิตย์อัสดง บริเวณเนินช้างศึก ถือเป็นยอดดอยปิล็อก เป็นภูสูงเหนือจากระดับน้ำทะเล 1,053 เมตร ว่ากันว่าเนินช้างศึกเป็นจุดชมวิว ทะเลหมอก ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภาคตะวันตก ด้วยทำเลที่อยู่ระหว่างชายแดนไทย-เมียนมา





ถ้าจะขึ้นไปบนเนินช้างศึก จะต้องขึ้นด้วยรถสองแถวของทางหมู่บ้าน ซึ่งคิดคนละ 50 บาท ขับจากหมู่บ้านอีต่องขึ้นสู่ยอดดอย เรียกว่านักท่องเที่ยวแทบจะทุกคนใช้บริการเพื่อขึ้นไปเก็บภาพเป็นความประทับใจกัน















หลังจากชมพระอาทิตย์ตกดิน เราก็กลับกันลงมายังหมู่บ้านอีต่อง ที่นี่ย้อนไปในอดีตเก่าก่อนราวปีพุทธศักราช 2483 หรือกว่า 80 ปีล่วงมาแล้ว ดินแดนแห่งนี้มีความรุ่งเรืองเฟื่องฟูเป็นอย่างยิ่งจากการขุดแร่ดีบุก ปัจจุบันมีการจัดการให้มีร้านค้าจำหน่ายเสื้อผ้า กระเป๋า ของที่ระลึก และอื่นๆ สำหรับนักท่องเที่ยว รวมถึงมีร้านกาแฟ ร้านบาร์เก๋ๆ เล็กๆ ดนตรีชิลๆ ให้ได้ชนแก้วอีกด้วย























“วันนี้จะปิดไฟตอนสี่ทุ่มนะคะ “ เจ้าหน้าที่บอกต่อกันให้ได้ทราบเป็นการจัดการของทางเจ้าหน้าที่ ที่จะขยับให้แบ่งกันใช้ไฟ โดยวันนี้โซนนี้ อีกวันหนึ่งเป็นอีกโซนหนึ่ง ประมาณนั้น











นั่นทำให้เย็นย่ำนี้หลายต่อหลายคนหาตะเกียงรอท่า ดีนะที่อากาศเย็นสบาย คนเมืองอย่างเราๆ แค่บอกว่าไม่มีแอร์ก็แย่แล้ว นี่ไม่มีไฟนั่นหมายความว่า พัดลมภายในห้องนิ่งสนิท โดยเฉพาะกับสื่อมวลชนที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีต่างๆ ไม่สามารถชาร์ทแบตได้ทั้ง กล้อง มือถือ แล็บทอบด์ อุปกรณ์สื่อสารใดๆ ได้เลย ต้องรอจนถึงเช้าของอีกวันหนึ่ง เรียกว่า ถ้าจะมาที่นี่ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า วันไหนจะอยู่ในช่วงโซนของเราที่ปิดไฟตอนสี่ทุ่ม สิ่งที่จะทำได้คือเตรียมพาวเวอร์แบงค์หลาย ๆ ก้อน ชาร์ทแบตเตรียมให้เต็ม สำหรับใช้กับมือถือนั่นแหล่ะดีที่สุด





... ค่ำคืนนี้ บริเวณโต๊ะนั่งด้านหน้าโรงแรมหรือระเบียงที่พัก เราจึงเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนจับกันเป็นกลุ่มๆ ร่วมสนทนา และสัมผัสกับบรรยากาศหนาวๆ แบบไม่ยี่หระกับการตัดไฟภายในห้องสักเท่าไหร่ เช่นเดียวกับคณะของเรา ... ที่คุย ๆ กันจนเวลาผ่านไปค่อนคืน

DAY 3 

เช้าวันนี้ เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อทำสิ่งที่ตั้งใจตั้งแต่แรก คือ การทำบุญถวายผ้าป่าบูรณศาสนสถานและศาสนวัตถุ ณ วัดพระธาตุเหมืองปิล็อก เนื่องในโอกาสครบรอบ 37 ปี ช.ส.ท ที่วัดเหมืองแร่ปิล็อก​

วัดเหมืองแร่ปิล็อก​ 

ภายในบริเวณวัดเหมืองแร่ปิล็อก ตั้งอยู่บนเนินเขา มีพระพุทธรูปด้านหน้าโบสถ์ ผายหน้าไปทางหมู่บ้านด้านล่าง ดูแลคุ้มภัยชาวบ้าน รวมถึง “พระพุทธรัตนศากยมุนี ศรีทองผาภูมิ” ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือขึ้นไปอีก เป็นพระที่มีลักษณะสามสีแห่งเดียวที่สร้างขึ้นเสร็จภายในวันเดียวด้วยจิตศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่หมู่บ้านแห่งนี้ เชื่อกันว่า...ทรงมีชัยชนะเหนือหมู่มาร



ซึ่งการสร้างพระพุทธรัตนศากยมุนี ศรีทองผาภูมิ นี้ กล่าวกันว่า เพื่อให้ทางฝั่งพม่าเห็นว่า ที่นี่คือประเทศไทย... แสดงอาณาเขตความเป็นไทยและแสดงถึงความสามัคคีและแรงศรัทธาของคนไทยในหมู่บ้านอีต่องอีกด้วย



... หลังรับศีลรับพรจากท่านเจ้าอาวาส ที่ไม่ประสงค์ให้เอ่ยนามและบันทึกภาพ คณะของเราก็กราบนมัสการหลวงพ่อเพื่อเดินทางกลับ

โดยระหว่างทาง พี่แต๊ก - กันตะพงษ์ พาคณะของเราไปยัง ​น้ำตกจ๊อกกระดิ่น อย่างที่บอก การเดินทางก็ยังคงคดเคี้ยว กว่าจะไปถึง แม้จะไม่ใช่น้ำตกขนาดใหญ่ แต่ก็ได้ใจใครหลายๆคน



ระหว่างทาง เราจะได้ยินเสียงจากวิทยุสื่อสารของพี่แต๊ก ที่คอยสื่อสารให้กับคนขับรถตู้ทั้งสี่คันได้ระวัง ซึ่งนอกจากจะเป็นเส้นทางที่คดเคี้ยวไต่ตามเขาแล้ว ยังมีบางช่วงบางตอนทางยังชำรุด ทรุดตัวลงเห็นหุบเหว ขณะที่บางช่วงทางขรุขระ ต้องคอยหยอด คอยชู๊ด กัน ( อันนี้คือศัพท์ที่พี่แต๊กใช้ “หยอด” หมายถึงให้คนขับรถตู้ค่อยๆ  ขับ ในช่วงจังหวะถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ ส่วน “ชู๊ด”  หมายถึง ให้คนขับตั้งท่าคอยเหยียบคันเร่งเพื่อส่งตัวในจังหวะขึ้นเขา)

ตลอดเส้นทาง เราจึงได้ยินทั้งหยอด ทั้งชู๊ด กันมาตลอดทาง .... สุดยอดจริงๆ คะ

“น้ำตกจ๊อกกะดิ่น”

มาถึงน้ำตกจ๊อกกะดิ่นกัน คำว่า จ๊อกกระดิ่นเป็นภาษาพม่า เป็นชื่อที่เล่ากันว่า เพี้ยนมาจากคำว่า ก๊อกกระด่าน จ๊อก หรือก๊อกหมายถึงหิน และกระดิ่นหรือกระด่าน หมายถึงน้ำตก เมื่อนำมารวมกันมีความหมายว่า เป็นน้ำตกที่ไหลผ่านซอกหินผา



น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลลงมาจากซอกหุบเขา ท่ามกลางธรรมชาติ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีเพียงชั้นเดียวเท่านั้นที่ตกมาจากหน้าผาสูง 30 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำด้านล่าง สามารถเดินเล่นน้ำได้ บริเวณด้านล่างยังมีแหล่งกำเนิดน้ำผุดที่มาจากภูเขาอีปู่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 727 เมตร และมีระยะทางยาว 5 กิโลเมตร ว่ากันว่า ใครที่ได้เล่นน้ำตกแห่งนี้ ก็เหมือนกับการได้อาบน้ำแร่ไปในตัว

ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งแหล่งเช็คอินที่ไม่ควรพลาด !!!



และแหล่งท่องเที่ยวสุดท้ายที่เราจะแนะนำก่อนกลับกรุงเทพฯ คือ  สกายวอล์คเขาแหลม​ ลานสไลเดอร์เนินหญ้า ภายในเขื่อนวชิราลงกรณ์ บริเวณสุดปลายสะพานมีลานให้ยืนชมวิวสวยของขุนเขาเขียวขจีโดยรอบ บริเวณด้านล่างมีสวนดอกไม้ และน้ำพุเล็กๆ ให้เดินเล่นถ่ายรูป และมีเนินหญ้าสำหรับให้เล่นสไลเดอร์







และแหล่งน้ำพุร้อนลิ่นถิ่น น้ำพุร้อนธรรมชาติที่เพิ่งเปิดตัวหมาด ๆ เป็นน้ำพุร้อนที่ผุดขึ้นมาจากริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งเป็นที่มหัศจรรย์มาก วันนี้ คุณพันธ์ทิพย์ นวลไทย นายกเทศมนตรี ตำบลลิ่นถิ่นและผอ.ททท.กาญจน์ ให้การต้อนรับคณะพร้อมนำเยี่ยมชม โดยมีการจัดการจากแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติเข้ามาสู่โซนที่เปิดให้แช่น้ำและแช่เท้า ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว มีร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มเล็กๆ เอาไว้บริการ







…  สามวันสองคืน ... จบลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี ที่สร้างประสบการณ์ดีดีให้หลายคนตลอดการเดินทาง เช่นเดียวกับมิตรภาพของพี่ ๆ น้อง ๆ ชมรมสื่อสารมวลชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป ส่วนทริปหน้าเราจะเดินทางกันไปแนะนำที่ใดกันต่อ ติดตามกันได้ทาง www.btripnews.net

----------------
#kan #ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว #สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย #จามจุรียักษ์  #ปิล็อก #ซัพบอร์ด #เที่ยวกาญจน์ #เขื่อนวชิราลงกรณ์ #หมู่บ้านอีต่อง #โรงงานกระดาษเก่ากาญจน์ 

ขอขอบคุณ

ภาพและข้อมูลบางส่วนจากสมาชิก ช.ส.ท. ทุกท่่าน

นางสาวสรียา  บุญมาก  ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกาญจนบุรี

คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว

คุณกันตะพงษ์ ธนะเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย