สกู๊ปพิเศษ

Local Experience @เชียงราย

ช็อป ชิม ชิลล์  กับทริปสุดประทับใจแบบ Local Experience @เชียงราย



เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทีมงาน ฺBtripnews มีโอกาสบินลัดฟ้าสู่อ้อมกอดแม่ฟ้าหลวง กับทริป “ช็อป ชิม ชิลล์ ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง” @เชียงราย กับประสบการณ์ Local Experience แม้อากาศจะไม่เยือกเย็นแต่ถูกทดแทนด้วยประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ถือเป็นทริปที่ประทับใจทริปหนึ่งทีเดียว

การเดินทางภายใต้การนำทีมของ น้องแอน ศิราณี ,บี และพี่อ๋อย ที่มาคอยต้อนรับคณะที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิในช่วงเช้าของวันเดินทาง ด้วยสายการบินไทยสมายล์ที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบาย อาหารที่เสริฟผ่านการทำความร้อนจนควันฉุยน่าทาน พร้อมกาแฟเสริฟ น้ำชาเสริฟตาม เป่าๆ ซดๆ เพียงชั่วพริบตา เจ้านกยักษ์ก็แลนดิ้งสู่สนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง สู่จังหวัดเชียงราย

เช้านี้เดินลงมาอย่างงง ๆมีแต่ฝาหรั่งหัวแดงเต็มลาน อืมมม…ท่องเที่ยวไทยแลนด์ออฟสมายล์กลับมาละนะ ดีใจจัง

ด้วยคณะที่มาเป็นทริปที่เกิดจากความร่วมมือของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลฯและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่จัดแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยการช้อปปิ้งโดยนำผู้ใช้บัตรเดอะวันการ์ดที่โชคดีได้รับการแลนด้อมมาเพื่อเที่ยวฟรี ช้อปฟรี กินฟรี ผู้ร่วมเดินทางจึงมีหลากหลายวัยตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยอาม่า  ถือเป็นทริปที่อบอุ่นจริงๆ

…..แล้วก็มาถึงสถานที่แรก เรียกว่า ใครมาเชียงใหม่ ถ้าไม่แวะวัดร่องขุ่นก็ต้องแวะ ไร่สิงห์ปาร์ค(บุญรอด) ครั้งนี้ก็เช่นกัน สถานที่แรกเราจึงมาเยือนไร่สิงห์ปาร์คกัน ปัจจุบันปรับการปลูกไร่บาเล่ย์ มาเป็นปลูกพืชเชิงเกษตร และนำมาสู่ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ และทุ่งดอกคอสมอสสีชมพูละลานตาเต็มเชิงเขา เจ้าหน้าที่บอกว่าปีนี้เน้นสีชมพูเพื่อรองรับเทศกาลวาเลนไทน์กับเทศกาลบอลลูนนานาชาติ

   

   

แต่กองทัพเดินด้วยท้อง ทีมงานจัดอาหารกลางวันให้ทานกันที่ร้าน BARN HOUSE PIZZERIA ร้านอาหารอิตาเลี่ยน ที่ซ่อนตัวอยู่ใน ไร่สิงห์ปาร์ค อิ่มอร่อยกับพิซซ่า และอาหารอิตาเลี่ยนแท้รสชาติโดนใจ ด้วยเพราะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวเหนือ ผู้เข้าเยี่ยมชมมากมาย การรอคอยรถรางเพื่อเยี่ยมชมในไร่จึงต้องใช้เวลาในการรอคอยพอสมควร แต่ไม่เป็นไร ใกล้ๆ ร้านอาหารอิตาเลี่ยน มีร้านกาแฟ พร้อมของที่ระลึกเอาไว้ให้เดินช้อปเล่นเป็นการเรียกน้ำย่อย

   

   

   

หลังทานอาหารกลางวัน นายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย ได้มาแนะนำสถานที่เที่ยวในเชียงราย และมอบหนังสือแนะนำจังหวัดให้กับทุกคนอีกด้วย

   

   

   

.….แล้วการเยี่ยมชมไร่สิงห์ปาร์คด้วยรถรางก็เริ่มขึ้น โดยใช้รถราง 2 คันขับละเรื่อยไล่ตามกันมา จุดแวะแรกคือ ไร่สตรอเบอร์รี่ ตามด้วยทุ่งดอกคอสมอส และจุดสุดท้ายให้อาหารยีราฟ สัตว์คอยาวที่น่ารัก ทางไร่จัดจำหน่ายกล้วยเอาไว้สำหรับผู้สนใจตะกร้าละ 20 บาท เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆ ได้พอสมควร

   

   

      

   

   

   

หลังการนั่งรถรางเยี่ยมชมไร่สิงห์ปาร์ค….บ่ายคล้อยเต็มที คณะของเรามาหยุดพักเพื่อช้อปปิ้งกันที่ Farm Design ซึ่งยังคงอยู่ในไร่ ปล่อยให้เลือกชม ชิม ช้อปกันตามสบาย

   

 ก่อนจะล้อหมุนเดินทางกันไปสักการะองค์พระพุทธนวล้านตื้อ และจุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ

   

   

   

เย็นย่ำค่ำนี้ ณ ริมแม่น้ำ ร้านอาหารหลู้ลำ เจียงฮาย จึงเป็นสถานที่สุดท้ายของวันแรกในเชียงราย

   

   

   

………………………………………………………………………………………………………………….

รุ่งอรุณของวันใหม่ 

จากที่เมื่อวานเที่ยวกันแบบชิลๆ วันนี้ดูจะเป็นวันไฮไลท์ของทริปที่จะพาไปสัมผัสกับประสบการณ์ Local Experience อย่างแท้จริง

หลังอาหารมื้อแรก ขบวนรถตู้ล้อหมุนมุ่งหน้าสู่พระตำหนักดอยตุงซึ่งเคยเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สถานที่ที่มีรูปทรงผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนากับชาเลย์ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มีการแกะสลักไม้ตามกาแลเชิงชายและขอบหน้าต่างเป็นลวดลายต่างๆ โดยฝีมือช่างชาวเหนือ

   

รอบๆ พระตำหนักมีสวนดอกไม้หลากพันธ์ หลายสีให้ความสวยงามสดชื่น โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะเห็นหมอกจางๆ บริเวณยอดเขารอบๆ พระตำหนัก  จะมีบริการเครื่องบรรยายภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อนำชมตามจุดต่างๆ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 17.30 น. ค่าเข้าชมคนละ 90 บาท

   

   

   จากเอกสาร ที่ผอ.ททท.สำนักงานเชียงราย นำมาให้บอกข้อมูลเพิ่มเติมว่า ส่วนของหอแห่งแรงบันดาลใจ เป็นอาคารแสดงนิทรรศการที่บอกเล่าถึงการที่สมาชิกราชสกุลมหิดลแต่ละพระองค์ ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กันและกัน โดยเรื่องราวจะสะท้อนปรัชญาการทรงงานและผลงานอันเกิดจากพระวิสัยทัศน์อันยาวไกลของทั้งห้าพระองค์ ที่ทำให้ประชาชนชาวไทยได้มีโอกาสในชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจ”

   

   

   

   

   

   

   

    

ผู้ที่เข้าชมได้นำไปปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม มีห้องจัดแสดงนิทรรศการ 7 ห้อง เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 90 บาท

       

ในส่วนของสวนแม่ฟ้าหลวง นอกเหนือจากทรีท็อป ที่บิซทริปนิวส์ได้แนะนำไปแล้ว ณ วันนี้ดอกไม้เมืองหนาวเบ่งบานรอรับนักท่องเที่ยวอย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็น ดอกซัลเวีย พิทูเนีย บิโกเนีย กุหลาบ ดอกลำโพง ไม้มงคลต่างๆ ไม้ยืนต้น และซุ้มไม้เลื้อยกว่า 70 ชนิด รูปปั้นต่อเนื่อง ฝีมือของมีเซียม ยิบอินซอย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.30- 18.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 90 บาท

   

   

   

 และสำหรับนักช้อป นักชิมแล้ว ยังมีกาดดอยตุง ที่มีร้านขายของที่ระลึก เสื้อผ้า ต่างๆ นอกเหนือจากส่วนจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวง ทั้งผักผลไม้ ดอกไม้และพันธ์ไม้ต่างๆ ครั้งนี้เราก็หยิบเมล็ดพันธ์ ดอกไม้สวยๆ ติดไม้ติดมือมาปลูกที่บ้านอยู่เหมือนกัน เพียงซองละ 20 บาทเท่านั้น

   

   

   

พระตำหนักดอยตุง มีรถสองแถวขึ้นไป ค่าโดยสารราคาเหมา ไป- กลับ 600 บาท/ คัน (นั่งได้ 10 คน) ( หากเพิ่มพระธาตุดอยตุง คิดราคา 800 บาท) ติดต่อบริษัทท่องเที่ยวดอยตุง โทร 0 5366 7433 และดอยตุงลอด์จ โทร 0 5376 7015-7
นางพวงเพ็ญ กลั่นวารี ผอ.กองประสานการลงทุน ฝ่ายลงทุนธุรกิจท่องเที่ยว ททท. เล่าให้ฟังถึงแคมเปญ ในครั้งนี้ระหว่างการเดินเยี่ยมชมว่า “ โครงการนี้เป็นโครงการที่ททท.สนับสนุนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลกับสมาชิกบัตรเดอะวันการ์ด เป็นแคมเปญช่วงสิ้นปี 2559 ซึ่งทางห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลจัดขึ้น Central Season  of giving 2017 Extra เป็นแคมเปญกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ททท.ได้เข้าไปสนับสนุนของรางวัลเป็นแพคเกจทัวร์ที่เป็น Exclusive Trip เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทย

วัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศและพานักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการจับจ่ายใช้สอยสูง ซึ่งในครั้งนี้คือ กลุ่มเดอะวันการ์ด ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผลการท่องเที่ยวได้

โดยให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ประสบการณ์ Local Experience  ท่องเที่ยวแบบชุมชน เพื่อส่งเสริมและขยายตลาดโดยการบอกต่อและช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเป็นเวิร์ดออฟเม้าท์ ทริปนี้แตกต่างจากอื่นๆ ตรงที่ได้ทำเวิร์คช็อป สัมผัสเห็นกิจกรรมของชาวบ้านในลักษณะเป็นการท่องเที่ยวการเรียนรู้ ซึ่งเป็นนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของททท. ที่อยากจะให้เป็นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน

โดยจัดขึ้นสองเส้นทาง ที่เชียงรายและสกลนคร เลือกสองแห่งจากศักยภาพของพื้นที่และเป็นสถานที่ที่มีโครงการพระราชดำริเป็นสำคัญ

ผอ .กองประสานการลงทุน ททท. กล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ในช่วงกลางปีจะมีแคมเปญต่อเนื่องของททท. เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว กระตุ้นการช้อปปิ้งคือ โครงการอะเมซิ่งไทยแลนด์แกรนด์เซล เป็นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในช่วงโลว์ซีซัน วันที่ 15 มิถุนายน ถึง 15 สิงหาคม



ความแตกต่างของโครงการอะเมซิ่งไทยแลนด์แกรนด์เซลกับประเทศอื่นๆ เช่นฮ่องกง หรือสิงคโปร์ ตรงที่ ททท.ไม่ได้เน้นเพียงการช้อปปิ้งเป็นหลักแต่เน้นเรื่อง Destination มากกว่า ปีที่ผ่านมาจากการประเมินผลการจัดโครงการเกิดรายได้หมุนเวียน 2000 กว่าล้านบาท ไม่ใช่รายได้จากการซื้อของจากห้างเท่านั้น แต่เกิดจากการบริการท่องเที่ยว จากผู้ประกอบการหลายด้าน  

กลุ่มเป้าหมายของโครงการเป็นตลาดระยะใกล้ๆ ประเทศทางแถบเอเชีย ที่มีการเดินทางไม่เกิน 5 ชั่วโมงในการเข้ามาประเทศไทย”

…………………………………………………………………………………………………………………………

แอน ส่งเสียงเรียกคณะผู้ร่วมทริปบริเวณด้านหน้าร้านกาแฟดอยตุงจุดนัดพบเมื่อได้เวลา

“เมื่อก่อนร้านนี้เป็นตึกแถวเล็กๆ เพิ่งย้ายมาเปิดให้บริการที่นี่ค่ะ” น้องแอนคนเดิมกล่าวถึงร้าน อาหาร หยินปิง ยูนนาน อาหารหลากหลายชนิดลำเลียงเข้ามา ด้วยรสชาติที่แสนจะครบรส ทำเอาอาการอ่อนเพลียหิวโหยหายเป็นปลิดทิ้ง สรุป….พุงกางค่ะมื้อนี้

  

   

   

……แล้วก็ถึงเวลาที่จะได้พบกับประสบการณ์ที่ถือเป็นไฮไลท์ของทริป ที่ชุมชนบ้านแซว บ้านท่าขันทองเชียงแสน

ชุมชนบ้านแซว เป็นชุมชนที่ผู้เฒ่าผู้แก่จากจังหวัดทางภาคอีสานย้ายมาลงหลักปักฐานที่เมืองเชียงราย และยังคงเหนียวแน่นในชาติพันธุ์ ถือเป็นหมู่บ้านต้นแบบวัฒนธรรมที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านดั้งเดิมเอาไว้ให้ลูกหลาน และเป็นหมู่บ้านที่ชนะเลิศการประกวดหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง มีความหลากหลายของกลุ่มอาชีพ ทำให้มีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ จากทั่วประเทศเข้ามาศึกษาดูงานอยู่เนืองๆ ชุมชนตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีถนนเลียบแม่น้ำทิวทัศน์งดงาม สามารถปั่นจักรยานเที่ยวรอบๆหมู่บ้าน ชมวิถีชีวิตได้สะดวก

    

   

…. เช้านี้ พ่อเฒ่าแม่เฒ่าเตรียมจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับผู้มาเยือนอย่างอบอุ่น ภายใต้การดูแลจัดการท่องเที่ยววิถีชุมชน โดย คุณเศรษฐศักดิ์ พรหมมา ปลัด ทต. บ้านแซว ซึ่งเป็นผู้นำในการจัดรูทชุมชนบ้านแซว เที่ยววิถีไทย นั่งรถอีแต๊กชมสวนผลไม้ นั่งเรือชมวิถีสองฝั่งแม่น้ำโขง

   

หลังบายศรีหลายคนต่างกระโดดขึ้นรถรถอีแต๊กที่ชาวบ้านนำมารอรับเป็นขบวนหลายคันอยู่เหมือนกัน

“นั่งเอียงๆ ใช้ขาห้อยลงมา จะค่อยๆ ไปไม่ตกครับ ไม่ต้องกลัว” ลุงสารัตถีพลขับรถอีแต๊กกล่าวพลางอมยิ้มเมื่อเห็นท่าเก้ๆกังๆ ของผู้มาเยือนแต่ละคน

การขับรถอีแต๊กนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงจริ๊ง จะหักเลี้ยวขวา เลี้ยวซ้าย หรือแม้แต่จะเบรก ก็ต้องคอยประคับประคองอย่างตั้งใจ แต่สำหรับช่างภาพอย่างฉันแล้วละก็หนุกหนาน เชื่อมือลุงเจ้าค่ะ

   

   

แค่ไม่ถึงร้อยเมตรจากจุดบายศรีสู่ขวัญที่โฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง ลุงก็พารถอีแต๊กเลี้ยวเข้าสู่ซอยเล็กๆ ที่จะมุ่งหน้าไปยังถนนริมแม่น้ำโขง โดยแวะจุดแรกกันที่ แหล่งเรียนรู้การทอผ้าพื้นเมือง ที่นี่นอกจากจะมีโฮมสเตย์อีกแห่งแล้วยังมีโชว์รูมเล็กๆ ที่นำสินค้าที่ผลิตได้มาจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวด้วย

   

   

   

หลังจากนั้นก็กระโดดขึ้นอีแต๊กกันต่อ เพื่อชมทิวทัศน์ริมน้ำ ก็มาถึงจุดแวะที่สอง เป็นจุดชมสวนชิมผลไม้ ครั้งนี้คือเสาวรส รสชาติอร่อย ราคาถูกมากๆๆๆๆ ชิมกันเสร็จก็เดินลงไปชมสวนเสาวรส ดูกันสดๆ เพราะความที่ราคาถูกนี่หล่ะ เหล่านักช้อปจึงเริ่มพะรุงพะรังด้วยผลไม้ที่หอบกันหลายต่อหลายถุง

ถัดจากการชมสวน ทางทีมงานเตรียมจัดไฮไลท์เอาไว้ให้ เป็นการ Work Shop  บนเกาะกลางน้ำแม่น้ำโขง



จากรถอีแต๊กในชุมชน เราเดินทางด้วยรถตู้เพื่อไปลงที่ท่าเรือ เพื่อต่อเรือไปยังเกาะกลางแม่น้ำที่สุดอะเมซิ่ง  สำหรับนักท่องเที่ยวที่ติดต่อเข้ามาเพื่อสัมผัสกับ Local Experience ทุกอย่างจะได้รับการจัดเตรียมจากชาวบ้านในชุมชนบ้านแซวไว้อย่างพร้อมสรร

นู่น ….ลุงวัยกลางคนก้มหน้าก้มตาจัดแจงเผาข้าวหลาม หมูย่างและมันเผา อย่างทะมัดทะแมง ขณะที่ทีมงานและคณะบางส่วนทำหน้าที่หั่นหมูย่างบนขอนไม้ไผ่ซึ่งดัดแปลงให้เป็นเขียงธรรมชาติ อีกฟากไม่ไกลกันนัก เชฟแชมป์ พานิชกุล ขะมักเขม้นอยู่กับการปรุงสลัดจากน้ำมันเมล็ดชาของมูลนิธิภัทรพัฒน์

   

   

   

   

     

   



เสื่อและขันโตกเสริฟอาหารพื้นบ้านเตรียมไว้เรียกน้ำย่อยผู้มาเยือน ใครใคร่ชิมๆ ใครใคร่ลงสปาเท้าตามแต่ใจ ด้วยน้ำที่เซาะหินบริเวณเกาะกลางโขงแห่งนี้ ทำให้เกิดเป็นหินเรียบมากมายมหาศาลชายฝั่ง เมื่อเดินด้วยเท้าเปล่าจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

กลิ่นหมูย่างโชยอบอวลทานพร้อมกับข้าวหลามในกระบอกยาวนับวา พร้อมผักสลัดของเชฟ แถมด้วยอาหารพื้นบ้าน รสชาติหยอกซะเมื่อไหร่… หลายคนติดใจจนแม้เรือจะมารอเพื่อรับกลับไปฝั่งยังขอเวลานอก

….แต่อาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว ด้วยเพราะสถานที่แห่งนี้ยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ และยังไม่จบโปรแกรมเพราะยังมีการทานอาหารมื้อค่ำริมแม่น้ำโขงพร้อมการแสดงฟ้อนรำโดยชาวบ้านที่รอคอยเราอยู่ คณะของเราจึงต้องตัดใจจากภาพความประทับใจนั้นมา

ที่ลานเล็กๆ ริมแม่น้ำภายในชุมชน ฉันได้รับ เวลคัม ดริ๊งค์ ด้วยชาร้อนจากสมุนไพรพื้นบ้าน การทานอาหารค่ำยังคงเป็นแบบขันโตก แต่พิเศษคืออาหารพื้นบ้านไม่ว่าจะเป็น แจ่วบอง แซ่บออกเผ็ดนิดๆทำจากปลาช่อนย่างไฟให้สุกจนได้ที่ แล้วน้ำมาตำเครื่องสมุนไพรสุกคล้ายๆ น้ำพริกตาแดง แต่แซ่บกว่ากินกับผักลวกจิ้ม

   

   

ตามมาด้วยต้มไก่บ้านใส่ยอดหม่อนรสจืด กลมกล่อมไก่บ้านสับต้ม ใส่ยอดใบหม่อนและเครื่องสมุนไพรพื้นบ้าน และที่ต้องยกให้เป็นเมนูพิเศษสำหรับค่ำคืนนี้คือ หลามปลากระบอกรสแซ่บ โดยนำปลาช่อนถอดเกล็ดออกล้างให้สะอาดเอามีดคั่นๆ แล้วคลุกกับเครื่องพริกแกงเอาใส่ในกระบอกไม้ไผ่  ปิดด้วยใบตองเอากระบอกไปเผาไฟอ่อนๆ จนสุก แว่วมาว่า การเผาเริ่มตั้งแต่ช่วงกลางวันปล่อยให้ระอุจนมาถึงมื้อค่ำในวันนี้

นอกจากนี้ยังมี ไข่เจียว อ่อมผักใส่ไก่ รสกลางๆแกงผักปลอดสารพิษ  ที่เก็บสดๆ จากแปลงผักปลูกเองในหมู่บ้าน เอาไปแกงแต่ใช้น้ำข้นๆ

นั่งจกกันริมแม่น้ำ เคล้ากับการแสดงโชว์ของชาวบ้านต่างวัยตั้งแต่ตัวเล็กไปจนถึงผู้สูงวัย ที่ต่างร่วมมือร่วมใจกันมาแสดงให้กับพวกเราชม ก่อนจะปิดท้ายด้วยการรำวงที่ชวนผู้มาเยือนร่วมโชว์ลวดลายสุดสนุกกันเลยทีเดียว หากใครสนใจสามารถติดต่อได้ที่ 081 962 7058 คุณเศรษฐศักดิ์

ราตรีนี้จึงจบลงด้วยความอิ่มเอมใจ ทั้งผู้รับและผู้ให้ 

   

   

……………………………………………………………………………………………………………………………….

วันสุดท้ายของการเดินทาง วันนี้ไม่ต้องตื่นเช้ากันมากนัก เพราะส่วนใหญ่แหล่งท่องเที่ยวจะเป็นในเมือง เริ่มกันด้วย วัดร่องเสือเส้น ศิลปะไทยประยุกต์ของอุโบสถสีน้ำเงิน ฝีมือลูกศิษย์ อาจารย์เฉลิมชัย  โฆษิตพิพัฒน์

วัดร่องเสือเต้น ใช้เฉดสีน้ำเงินฟ้าและสถาปัตยกรรมความงดงามจากช่างปูนปั้น ภายในนอกจากจะมีลวดลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมีผลงานจิตรกรรมที่เป็นภาพวาดฝาผนังเกี่ยวกับพระพุทธประวัติ ด้านในอุโบสถมีพระสิงห์หนึ่งสีขาวมุขเป็นพระประธาน สูง 6.50 เมตร หน้าตักกว้าง 5 เมตร โดดเด่นสง่างาม หากเดินทางไปไม่ถูกสามารถสอบถามเส้นทางได้ที่ โทร 0 82026 9038 ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง ที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติต่างมาเยือนไม่ขาดสาย

   

   

   

   

                 

เดินทางกันต่อไปยัง ไร่ฉุยฟง เพื่อสัมผัสรสชาติชาเขียวและช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ชา ไร่ฉุยฟง เป็นไร่ชาแบบขั้นบันไดที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร บนเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ จุดเด่นคือมีโค้งภูเขารูปเกือกม้าและบึงตรงกลาง ที่นี่ปลูกชาอัสสัม ชาเขียว ชาอู่หลงและชาดำ ภายในมีร้านอาหารบริการส่วนมากจะเป็นผลิตมาจากชา โดยเฉพาะ เครื่องดื่มชาเขียวต่าง ๆ หรือจะเป็นเบเกอรี่ ซาลาเปาชาเขียว หรืออาหารคาวเช่น ยำยอดใบชา ปอเปี๊ยะใบชา ซึ่งสำหรับฉันแล้ว ไร่ฉุยฟง กว้างใหญ่และมีการจัดการได้ดีกว่า ไร่ชาคาเมรอน ที่ประเทศมาเลเซียเสียอีก เรียกว่าไม่ต้องไปถึงนั่นก็สัมผัสกับบรรยากาศไร่ชาได้อย่างสวยงาม



ที่นี่โด่งดังมากเมื่อมีการเข้ามาถ่ายทำละครดังในอดีต ปัจจุบันบริเวณร้านอาหารยังได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นในด้านการออกแบบที่กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ที่นี่เปิดตั้งแต่เวลา 8.00-17.30 น. สอบถามรายละเอียดโทร 0 5377 1563

   

   

   

   

    

อิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว ก็มาถึงคราวอิ่มท้องกันบ้าง อาหารถูกจัดเตรียมไว้มากมาย ในร้านมาลองเต๊อะ ที่ ขัวศิลปะ

   

ขัวศิลปะ เกิดขึ้นจากกลุ่มศิลปินเชียงรายที่รวมตัวกันจัดสร้างหอศิลป์สำหรับแสดงงานและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมผลงานทางศิลปะ เพราะเชียงรายเลื่องลือด้วยศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ วัดร่องขุ่น อ.ถวัลย์ ดัชนี แห่งบ้านดำ อ.สมลักษณ์ ปันติบุญ แห่งบ้านดอยดินแดง โดยมีลูกศิษย์ลูกหาและศิลปินเกิดใหม่มากหน้าหลายตา ขัวศิลปะแห่งนี้จึงถือเป็นเวทีให้กับศิลปินหน้าใหม่และเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงได้จัดแสดงงานต่อสาธารณชน โดยเปิดตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น.(ปิดวันจันทร์) สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร 0 5316 6623


   


   

   

   ทริปแห่งความประทับใจก็ใกล้จะสิ้นสุดลง ด้วยการแวะหาซื้อของฝากที่ร้าน นันทวัน ซึ่งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงเย็น

   

….. สำหรับฉันแล้ว แม้จะมีโอกาสได้มาเยือนเชียงรายหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่คราว การเดินทางก็ก่อให้เกิดความประทับใจเสมอมา ….ความประทับใจนั้นไม่ใช่เพียงบรรยากาศ หากแต่หมายรวมถึงน้ำใจที่มอบให้กับผู้มาเยือนอย่างอบอุ่นในคราวไป

….ขอบคุณ พ่อเฒ่าแม่แก่  ขอบคุณชาวบ้านทุกท่านที่ได้ไปเยือน ขอบคุณเพื่อนร่วมทาง และท้ายสุด ขอบคุณทีมงานของน้องแอน ที่ทำให้ฉันได้พบกับความงดงามอันน่าประทับใจครั้งนี้

ขอบคุณจริงๆ

…………………………………………………………………………………………………………………….

ข้อมูลเชียงราย

เชียงราย เป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพฯ 829 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 11,678 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ริมฝั่งแม่น้ำหลายสาย แบ่งการปกครองออกเป็น 18 อำเภอ คือ อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย อำเภอเชียงของ อำเภอเทิง อำเภอพาน อำเภอป่าแดด อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน อำเภอแม่สาย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอพญาเม็งราย อำเภอเวียงแก่น อำเภอขุนตาล อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ลาว อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหลวง

การเดินทาง

รถยนต์ สามารถเดินทางเป็นวงรอยได้โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 11 จากอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีผ่านตากฟ้า – วังทอง – พิษณุโลก – อุตรดิตถ์- เด่นชัย – แพร่ – ร้องกวาง แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 103 ไปอำเภองาวแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านพะเยาไปจังหวัดเชียงราย ระยะทาง 785 กิโลเมตร

ขากลับใช้เส้นทางเชียงราย – เชียงใหม่ ผ่านอำเภอแม่สรวย – เวียงป่าเป้า – แม่ขะจาน – ดอยสะเก็ด ทิวทัศน์สองข้างทางเป็นป่าเขาสวยงาม เมื่อเดินทางมาถึงเชียงใหม่แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำพูน ลำปาง บรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1 เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯได้

รถโดยสารประจำทาง

มีรถโดยสารธรรมดาและโดยสารปรับอากาศ บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร 0 2936 2843 – 66 , 325 Call Center 1490 , จองตั๋วออนไลน์ โทร 0 2793 8111 www.transport.co.th และบริษัทเอกชนออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) ถนนกำแพงเพชร 2 ไปจังหวัดเชียงรายทุกวัน ได้แก่ ไทยรูท (บริษัทเอกชนรถร่วม 19 บริษัท) โทร 0 2269 6999 www.thairoute.com สยามเฟิร์สทัวร์ โทร 0 2954 3601-4 , 053 71 1882 , โชครุ่งทวีทัวร์ โทร 0 2936 4275 – 6 เชิดชัยทัวร์ โทร 0 5377 3494 , คฤหาสน์ ทัวร์ โทร 0 5374 2429, ไทยพัฒนกิจขนส่ง (Green Bus) บริการเดินรถภาคเหนือตอนบน โทร 0 5371 1155 , 05371 1141 ต่อ 8000 www.greenbusthailand.com สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย (แห่งที่ 2) โทร 0 5371 1369, 0 5377 3989

รถไฟ จากสถานีรถไฟกรุงเทพ ( หัวลำโพง) มีรถไฟไปลงที่จังหวัดลำปางหรือจังหวัดเชียงใหม่ แล้วเดินทางต่อโดยรถยนต์ไปจังหวัดเชียงราย สอบถามรายละเอียดได้ที่ ข้อมูลการรถไฟแห่งประเทศไทย ( Call Center) สายด่วน . โทร 1690 สำรองตั๋วล่วงหน้า 5 วันขึ้นไป ( ไม่รวมวันเดินทาง) แต่ไม่เกิน 60 วันและ www.thairealticket.com

เครื่องบิน มีเที่ยวบินตรงเส้นทางกรุงเทพฯ – เชียงราย ทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่
  • การบินไทย ( thaiairways.com) โทร 1566 , 0 2628 2000 , 0 5379 8202-3 ( สนามบิน)
  • การบินไทยสมายล์ ( thaismileairways.net) โทร 0 2308 8383
  • แอร์ เอเชีย (airasia.com ) โทร 0 2515 9999 , 0 5379 8274-6
  • บางกอกแอร์เวย์ (Bangkokair.com) โทร 0 5379 8266 , 0 2270 6699 , 1771
  • นกแอร์ ( nokair.com) โทร 0 5379 9179 , 1318
   ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย โทร 0 5379 8000, 0 5379 8170