คปภ.รุดช่วยผู้ประสบภัยพายุพัดถล่มโดมรร.วัดเนินปอ จ.พิจิตร

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีพายุฝนกระหน่ำและลูกเห็บตก บริเวณบ้านเนินปอ หมู่ 1 ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ต้นไม้ล้ม อาคารบ้านเรือนของชาวบ้านพังเสียหายจำนวนมาก และความแรงลมได้พัดหลังคาโดมของโรงเรียนวัดเนินปอ พังถล่มลงมาทับนักเรียน โค้ชฝึกสอนฟุตบอล และประชาชนที่หลบฝนอยู่ในบริเวณดังกล่าว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บ 18 ราย โดยผู้บาดเจ็บถูกนำส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสามง่าม 13 ราย และโรงพยาบาลพิจิตร จำนวน 5 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 นั้น

 

 

 

 

 

เบื้องต้นได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 2 (นครสวรรค์) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดพิจิตร ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการทำประกันภัยพร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม 

ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดพิจิตร ซึ่งได้ลงพื้นที่ทันทีพบว่า ผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตทั้ง 7 ราย ประกอบด้วย นักเรียนโรงเรียนวัดเนินปอ 2 ราย โค้ชฝึกสอนฟุตบอล 1 ราย ประชาชน 2 ราย และนักเรียนโรงเรียนเนินปอรังนกชนูทิศ 2 ราย และจากการตรวจสอบการทำประกันภัยเบื้องต้นพบว่าโรงเรียนวัดเนินปอ ทำประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองสำหรับเป็นค่ารักษาพยาบาลตามจริงไม่เกินวงเงินจำนวน 6,000 บาท ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตภายนอกโรงเรียนจำนวน 60,000 บาทต่อราย และความคุ้มครองกรณีนักเรียนเสียชีวิตภายในโรงเรียนจำนวน 120,000 บาทต่อราย 

สำหรับการติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จังหวัดพิจิตร ได้ประสานงานไปยังบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) แล้ว ซึ่งบริษัทตกลงจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตในวันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม 2566 โดยนักเรียนโรงเรียนวัดเนินปอ 2 ราย จะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละ 120,000 บาท ส่วนโค้ชฝึกสอนฟุตบอลจะได้รับค่าสินไหมทดแทนจำนวน 560,000 บาท โดยได้รับความคุ้มครองจากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 60,000 บาท และจากการทำประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลไว้กับบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 27 มกราคม 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 26 มกราคม 2567 โดยกรมธรรม์ประกันภัยให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต จำนวน 500,000 บาท  

ในส่วนของนักเรียนโรงเรียนเนินปอรังนกชนูทิศ 2 ราย ตรวจสอบพบว่าทางโรงเรียนฯ ได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ไว้กับบริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองสำหรับเป็นค่ารักษาพยาบาลตามจริงไม่เกินวงเงินจำนวน 10,000 บาท และความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจำนวน 100,000 บาท ซึ่งบริษัทตกลงจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต จำนวน 2 รายๆ ละ 100,000 บาท  และประชาชน 2 ราย ที่เสียชีวิตด้วยนั้น 

ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบยังไม่พบข้อมูลการทำประกันภัยแต่อย่างใด ทั้งนี้หากตรวจสอบพบว่ามีการทำประกันภัยภายหลัง สำนักงาน คปภ. จะช่วยประสานงานอำนวยความสะดวกและติดตามอย่างใกล้ชิดให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรมต่อไป สำหรับผู้บาดเจ็บ 18 ราย ที่เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสามง่าม และโรงพยาบาลพิจิตร ทางสำนักงาน คปภ. จังหวัดพิจิตร ได้ประสานบริษัทประกันภัยและโรงพยาบาล เพื่อรับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้บาดเจ็บที่มีสิทธิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. จะบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่าผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกก็จะช่วยประสานงานให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้ 

“สำนักงาน คปภ.ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากภัยธรรมชาติในครั้งนี้ และพร้อมจะดูแลในด้านประกันภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและกับทุกคน เพื่อความอุ่นใจ ควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัย ติดต่อสายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย