พม.จับมือมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย–แว่นท็อปเจริญ เปิดโครงการ “แว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนฯ”จ.พะเยา
วันพุธที่ 24 ธันวาคม 2568 ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มอบหมายให้ นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานเปิดโครงการฯ โดยมี นางสาวอรอาภา โล่ห์วีระ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวต้อนรับ นายนพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแว่นท็อปเจริญ กล่าวนำเสนอความเป็นมา นายศราวุธ มูลโพธิ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวบูรณาการ และนางสาวธนิสสรา รามสูต รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดพะเยา กล่าวรายงานความเป็นมาของมูลนิธิฯ และการจัดโครงการฯ
นางสาวแรมรุ้ง กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการสนองพระราชประสงค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงห่วงใยผู้สูงวัยยากจนในถิ่นทุรกันดาร ให้มีโอกาสเข้าถึงการดูแลด้านสายตาอย่างเหมาะสม เนื่องจากปัญหาสายตาเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ และการพึ่งพาตนเอง หากไม่ได้รับการแก้ไขจะยิ่งเพิ่มภาระให้แก่ครอบครัวและสังคม
โครงการ “แว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนฯ” ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อโครงการอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างการดำเนินงานในระยะปี พ.ศ. 2568 – 2572 โดยมุ่งให้บริการตรวจวัดสายตาและประกอบแว่นตามค่าสายตาที่เหมาะสมแก่ผู้สูงวัยด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ
สำหรับจังหวัดพะเยา กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้มอบหมายให้ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดพะเยา ประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย คัดเลือกผู้สูงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป และมีปัญหาด้านสายตา จำนวน 400 คน เข้ารับบริการตรวจวัดสายตาและประกอบแว่นโดยผู้เชี่ยวชาญ พร้อมอำนวยความสะดวกด้านสถานที่และการให้บริการอย่างครบถ้วน
ในโอกาสนี้ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และเครือข่ายได้มอบแว่นตาแก่ผู้แทนผู้สูงวัย พบปะเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบเงินสงเคราะห์เด็กในครอบครัวยากจน 48 ราย เงินสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน จำนวน 5 ราย เงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง จำนวน 30 ราย และผ้าห่มแก่ผู้ประสบภัยหนาว รวมถึงเยี่ยมชมการให้บริการตรวจวัดสายตา การประกอบแว่น ตลอดจนการให้บริการด้านสวัสดิการสังคมจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. และเครือข่ายในพื้นที่
ท้ายสุด นางสาวแรมรุ้ง ได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ ซึ่งนับเป็นพลังความร่วมมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยในถิ่นทุรกันดาร ให้สามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี พึ่งพาตนเอง และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม












