พม. แถลงพิธีประทานรางวัล “ประชาบดี” ประจำปี 2560 เชิดชูเกียรติต้นแบบแห่งการแบ่งปันเพื่อผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก

วันนี้ (6 ธ.ค. 60) เวลา 10.30 น. ณ โถงกลาง ชั้น 1 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายณรงค์ คงคำ โฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่าพลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.)เป็นประธานการแถลงข่าวพิธีประทานรางวัล “ประชาบดี" และเข็มเชิดชูเกียรติ ประจำปี 2560 โดยมี นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กล่าวรายงาน เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พิธีประทานรางวัล “ประชาบดี” และเข็มเชิดชูเกียรติ ประจำปี 2560 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคม 2560 โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จประทานรางวัล “ประชาบดี” และเข็มเชิดชูเกียรติ ประจำปี 2560 ณ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. สะพานขาว กทม.
 

พลเอก อนันตพร กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ดำเนินภารกิจตามนโยบาย การพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยยึดกรอบนโยบายด้านสังคมของรัฐบาลและทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 เพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 – 2563 ซึ่งปัจจุบันมีความยุ่งยากและสลับซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากมีความคาบเกี่ยวร่วมกันในหลายมิติ รวมทั้งปัญหาเดิมที่ทวีความรุนแรงขึ้น จำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการ ความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุที่ว่าสถานการณ์ปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และคนในสังคมมีความหลากหลาย 

รวมทั้งคนมีความรู้ ความสามารถ และศักยภาพ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่น ที่ด้อยโอกาสกว่า และคนที่อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการต่างๆ ในสังคม แต่ยังมีจิตใจที่เข้มแข็ง สู้ชีวิต และมีความมุมานะ พยายามในการเอาชนะความทุกข์ยากเดือดร้อน อีกทั้งเห็นถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ด้วยการประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม อันควรค่าแก่การยกย่อง

   

ทั้งนี้ กระทรวง พม. โดย พส. ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของกลุ่มคนดังกล่าว จึงได้จัดทำโครงการเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก และผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ประพฤติตนดีเด่น เพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจแก่ผู้ไม่ย่อท้อที่ประกอบคุณงามความดี ด้วยการดูแลช่วยเหลือสังคม และส่งเสริมเจตคติบวกในการอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออาทร เห็นคุณค่าและศักดิ์ศรี ของผู้ด้อยโอกาส โดยได้ดำเนินการพิจารณาคัดเลือก บุคคล องค์กร สื่อ และบุคคลผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก เพื่อเข้ารับรางวัล “ประชาบดี” จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เป็นประจำทุกปี โดยเริ่มตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2550 จนถึงปัจจุบัน
 

   

พลเอก อนันตพร กล่าวต่อว่า รางวัล “ประชาบดี” เป็นรางวัลที่มอบให้บุคคล องค์กร สื่อ ที่ทำคุณประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก และบุคคลผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่าง โดยกระทรวง พม. มีตราสัญลักษณ์ประจำกระทรวง คือ "พระประชาบดี" ซึ่งเป็นเทพผู้เป็นที่พึ่งและให้การสงเคราะห์แก่ประชาชนด้วยความเมตตากรุณา เป็นเทพผู้เป็นเสมือนต้นกำเนิดวัฒนธรรมของกรมประชาสงเคราะห์ จนมาเป็นกระทรวง พม. ในปัจจุบัน จึงได้นำชื่อท่านมาใช้ เป็นชื่อรางวัล “ประชาบดี” 

โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา กระทรวง พม. มีการมอบรางวัล “ประชาบดี” เพียง 4 ประเภท แต่ในปี 2560 มีการมอบรางวัลเพิ่มอีก 1 ประเภท ให้กับผู้ที่ทำงานร่วมกับกระทรวง พม. อย่างต่อเนื่อง รวมเป็น 5 ประเภท มี 60 รางวัล ได้แก่ 1) ประเภทบุคคลที่ทำคุณประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก จำนวน 12 คน เช่น พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต 2) ประเภทองค์กรที่ทำคุณประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก จำนวน 7 องค์กร เช่น องค์การบริหารส่วนตำบลอู่ตะเภา จังหวัดชัยนาท 3) ประเภทสื่อที่นำเสนอกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก จำนวน 17 รายการ เช่น รายการ 76 จังหวัด ตามหาคนดี ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ. 5)



4) ประเภทบุคคลผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ทำคุณประโยชน์และดำรงชีวิต เป็นแบบอย่างที่ดี จำนวน 17 คน เช่น นายสุวรรณฉัตร พรหมชาติ ซึ่งให้บริการรถแท็กซี่ที่ได้รับบริจาคในการรับ-ส่ง ผู้ที่อยู่ในสภาวะยากลำบากไปยังโรงพยาบาล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เป็นระยะเวลา 22 ปี และ 5) รางวัลเกียรติยศ บุคคลที่เสียสละอุทิศตนทำงานเพื่อสังคมและมีผลงานโดดเด่นสนับสนุนภารกิจของ พส. อย่างต่อเนื่อง จำนวน 7 คน เช่น นายมีชัย วีระไวทยะ ผู้ริเริ่มธุรกิจเพื่อสังคม และการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก เป็นต้น
 

“ทั้งนี้ รางวัล “ประชาบดี” นับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจทั้งแก่ผู้ให้และผู้รับ ซึ่งวันนี้ ยังมีบุคคลและองค์กรอื่นๆ อีกจำนวนมาก ที่มีความพร้อมและศักยภาพในการทำงานช่วยเหลือดูแลผู้ที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก ทางกระทรวง พม. ขอส่งเสริม ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือดูแลผู้ที่อยู่ในสภาวะยากลำบากในสังคมและยกย่องคนดีไปด้วยกัน” พลเอก อนันตพร กล่าวในตอนท้าย