“รัฐรงค์ ศรีเลิศ” ผู้บริหาร “หนีกรุง คอนเนค”

เมื่อ....“เบื้องบนแล้วแต่ฟ้า เบื้องหน้าแล้วแต่ฝัน” 

"หนีกรุง คอนเนค" เพิ่งจัดมอบรางวัลชนะเลิศให้กับช่างภาพผู้ร่วมแข่งขันในรายการ ONE PIC BIG DREAM เกมภาพกระตุกต่อม เมื่อวันก่อนเกมโชว์ที่นำเสนอเกมการแข่งขันถ่ายภาพและท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ แข่งขันเป็นแบบ photo battle ผู้แข่งขันต้องเดินทางค้นหาโลเกชั่น และถ่ายภาพตามมุมมองของตนเอง เพื่อเฟ้นให้ได้ภาพที่ดีที่สุด ภายใต้การบริหารงานของ “รัฐรงค์ ศรีเลิศ” ซีอีโอและครีเอทีฟชั้นนำผ่านผลงานมากมาย และสร้างชื่อโด่งดังในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจากแคมเปญและหนังโฆษณาชุด Unseen in Thailand

ณ วันนี้ หนีกรุง คอนเนค เตรียมขยายฝันสู่โปรเจครายการ ในซีซั่น 3 ที่มาเพิ่มอรรถรสในการชมมากขึ้น จะแตกต่างจาก ซีซั่นแรกและสองอย่างไร พบกับไอเดียของ “รัฐรงค์ ศรีเลิศ” กันเลยดีกว่า

 โปรเจคนี้ต่อเนื่องปีที่ 3

“รัฐรงค์ ศรีเลิศ” เล่าให้ฟังถึงงานโปรเจคนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ว่า .... ทางบริษัท หนีกรุง คอนเนค เราทำให้กับททท.มาเยอะ ทำให้เราค่อนข้าง expert งานแต่ละงานค่อนข้างละเอียดอ่อนกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะทำรายการหรือทำกิจกรรม เนื่องจากมีความชำนาญ สมชื่อ หนีกรุง คอนเนค ในต่างจังหวัดเราจะรู้จักผู้ประกอบการสาขาต่างๆ การกิจกรรมต่างๆ เราจึงเบสออนเรื่องท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่



 

จริงๆ หนีกรุง เริ่มจากการทำเป็นนิตยสารมาก่อน อย่างที่รู้ๆกันว่า เมื่อออนไลน์มาก็โดนเบียดไป จริงๆ ถามว่า มันอยู่ได้มั๊ย ก็พออยู่ได้ แต่คงไม่ก้าวหน้าแล้ว ยังคงมีอยู่แต่คงไม่บูมขนาดเดิม สมัยก่อนพอเราบอกว่าเรื่องท่องเที่ยว หนังสือท่องเที่ยวจะมีแบบร้อยหรือสองร้อยปก สำหรับหนีกรุงผมก็เบรกเรื่องของการทำนิตยสารไปหันมามองงานด้านสื่อออนไลน์”

ต้องบอกว่า เริ่มต้นของ One Pic Big Dream ถูกเริ่มมาโดยการมองที่ออนไลน์ก่อน ซีซั่น1 เราเสนอทางออนไลน์เท่านั้น ซึ่งความคาดหวังจริงๆ ตอนนั้นก็เป็นการทดลอง ถึงแม้ผมจะทำหนังโฆษณามาเป็นร้อย ๆ เรื่อง แต่ว่ารายการแบบนี้ก็จะมีวิชาที่แตกออกมา ก็เรียนรู้การทำกับมัน แต่ความที่ทำหนังโฆษณามาเยอะ ก็เอาเทคนิคในการทำหนังโฆษณามาใส่ในรายการ”



เกมส์โชว์ที่แตกต่าง 

ด้วยวิธีเล่าเรื่องเกมส์โชว์ที่แตกต่าง ทำให้รายการ One Pic Big Dream กระตุกต่อมผู้ชมได้มากขึ้นทุกวัน “รัฐรงค์” เล่าต่อว่า “.... วิธีการเล่าเรื่อง การพูดโดยโฆษกบ้าง ลิปซิงค์บ้าง มีหลายเลเยอร์เข้ามาก็ทำให้รายการน่าสนใจ จากที่เราประเมินไว้ว่าจะทดลอง พอซีซั่น 1 ออกมาก็เป็นหลักล้านวิว จากรายการที่ไม่ได้ทำโปรโมทอะไรมาก มันแสดงถึงอะไรหลายๆ อย่าง

เรื่อง คอนเทนท์ของเราจับสองอย่างคือ 1 นำเรื่องการถ่ายภาพมาเป็นแกนหลักในการนำเสนอ โดยแฝงเรื่องการท่องเที่ยว มองอีกมุมหนึ่ง รายการนี้คือ สารคดีท่องเที่ยวที่เปลี่ยน execution ที่ดูธรรมดาที่ทุกคนทำเหมือนเดิม แต่เราทำให้ดูน่าตื่นเต้นขึ้นโดยผ่านการถ่ายภาพ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นส่วนควบไปแล้วกับเรื่องท่องเที่ยว เป็นเรื่องเดียวกันการถ่ายภาพและการท่องเที่ยว”

ก้าวสู่ซีซั่น 2 ออนทีวี 

หลังจากที่ “หนีกรุง คอนเนค” ชิมลางนำเสนอรายการ One Pic Big Dream ผ่านสื่อออนไลน์ เมื่อก้าวเข้าสู่ปีที่ส่อง บริษัทเริ่มเพิ่มช่องทางในการนำเสนอทางช่อง PPTV 36 ทำให้รายการมียอดผู้เข้าชมถึงสิบสี่ล้านวิว



รัฐรงค์ ศรีเลิศ” กล่าวต่อว่า เมื่อได้วิวมาขนาดนั้นก็มีกำลังใจที่จะทำ เมื่อเปิดซีซั่น 2 จึงนำรายการไปเสนอกับทาง PPTV 36 เมื่อเข้าไปอยู่ในโปรแกรมนั้นก็จะเป็นสองมิติแล้ว แต่จริงๆ ผมมีความเชื่อเสมอว่า ยุคนี้อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ไม่ได้ ต้องยืนเหยียบเรือสองโลก คือโลกที่อยู่ในโทรทัศน์และโลกออนไลน์ด้วย

เพราะฉะนั้นฟอร์แมทของรายการก็จะวิ่งคู่กันไป พีพีทีวี ทีวีที่เป็นออนไลน์ หนีกรุงชาแนล ทั้งผ่านเฟซบุ้คและเวปไซต์ของหนีกรุง ก็วิ่งคู่กันไป ซีซันสองออกมาก็ทำให้เราขยายฐานคนดูขึ้นมา จะเอื้อกันมากขึ้น ตอนนี้วิ่งมาสิบสี่ล้านวิว

พอมาซีซัน 3 เมื่อเปิดรับสมัครช่างภาพจะเห็นว่า ซีซัน 2 ช่วย จะเห็นว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบถ่ายรูป กลายเป็นว่ากลุ่มวัยรุ่นขึ้นมา จากสมัครเข้ามามืออาชีพเป็นนักศึกษา วัยรุ่น ไม่ใช่ช่างภาพอาชีพแต่ก็เล่นกล้องด้วย

จะเห็นว่า ผู้แข่งขันอายุน้อยที่สุดคือ 17 ปี ซึ่งวิธีการรับสมัครให้คนส่งภาพ 1 ภาพข้ามาแล้ววัดกันเลย ถ้ากระตุกต่อมกรรมการปุ๊บ เราเห็นแล้วอยากไปเที่ยวเราเรียกมาคุยเลย ก็จะสกรีนไว้ ช่วงแรกหลักร้อยจนเหลือจำนวนที่เราเข้ามาแข่ง 16 คน ล่าสุดมีสมัคร 300 กว่าคน ที่ไม่กล้าก็เยอะ จะเห็นจากใน Facebook ของหนีกรุง จะมีคอนเมนท์กัน

16 คนก็จะมาแข่งขันกันในรายการ 4 รอบ ก็จะเป็นการแข่งขันแบบน็อคเอาท์ แบทเทิลกันแล้วแพ้ตกรอบเลย เพราะฉะนั้นนี่เป็นความเร้าใจของรายการด้วยว่า พลาดไม่ได้เลย มือเก่า มือใหม่ มือเก๋า ถ้าประมาทหรือพลาดนิดเดียวแพ้ได้ ล่าสุด พี่วิรัช เกือบมือวางอันดับหนึ่ง น่าจะเป็นแชมป์แต่กกลับตกรอบแรกเลย

ที่ผ่านๆมา กลุ่มนักศึกษาหรือเยาวชน ที่มีความชื่นชอบในการถ่ายภาพ ในจุดเริ่มต้นการประชาสัมพันธ์ยังน้อย และคิดว่า จะแค่นั้น ผมถึงบอกว่า ซีซัน 3 ทำให้เห็นว่า การถ่ายภาพเป็นไลฟ์สไตล์ ไม่ใช่นิช มันอาจไม่ได้ แมสเหมือนร้องเพลง แต่ไม่นิชแค่ช่างภาพแล้ว

อยากย้ำว่า เรื่องของการถ่ายภาพไม่ใช่เฉพาะกลุ่มแล้ว มันเป็นmassไปแล้ว การถ่ายภาพจึงเข้าไปอยู่ในใจของวัยรุ่น เป็นไลฟ์สไตล์ นี่คือเป็นสิ่งที่เรามองกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่แรก การทำโฆษณาของผม การจะทำไอเดียอะไรออกมา กลุ่มเป้าหมายของเราจะเป็นใคร

เราทำงานให้กับการท่องเที่ยวมาตั้งแต่อันซีนไทยแลนด์ จะเห็นได้ว่า จริงๆแล้ว รายการนี้คอนเทนท์หลักไม่ได้หนีไปจากตัวผมเลย ผมยังหยิบเอาแก่นของการท่องเที่ยวที่ทำให้การท่องเที่ยวบูมมาตั้งแต่อันซีนไทยแลนด์มาอยู่ในรายการ เป็นการนำเสนอการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ มุมมองใหม่”

 

วิธีการเลือกผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 

“ผมจะไม่ดูเลยว่าเป็นใคร คนที่สมัครเข้ามาจะไม่รู้ว่าเป็นของใคร แต่ภาพที่ออกมาเข้ารอบ เราพึ่งจะรู้ ส่วนที่สองในรายการ จะเห็นว่าวิธีให้คะแนนแบ่งเป็นสามหัวข้อ 1 location 2 ความสวยงามของภาพ 3 เนื้อหาที่มาจากภาพหรือการเล่าเรื่อง

ซีซั่น 3 ยังไม่ได้ต่างกับซีซั่น 2 ยังใช้ฟอร์แมตเดิม แต่ซีซั่น 4 จะต่าง ตั้งแต่ซีซั่น 3 ผมเกือบจะใส่เข้าไปแล้ว แต่คิดว่ายังคงทำออกมาในรูปแบบเดิมก่อน ยังต้องการ educate ให้คนดูสนุกไปกับแบบเดิมก่อน แล้ว ซีซั่น 4 ผมคิดว่าเราหยิบเอาสิ่งที่เราได้ กลุ่มเป้าหมายของเราเพิ่มขึ้น มีวัยรุ่นเข้ามา ต้องทำอะไรที่ตอบโจทย์กลุ่มนี้มากกว่าเดิม สนุกขึ้น เร้าใจขึ้น ดราม่าขึ้น

อย่างซีซันที่ 3 พยายามใส่เหมือนกัน มีการใส่ท่าบังคับเข้าไปด้วย มันกำลังจะบอกว่า จริงๆ แล้ว มือถืออันเดียวก็สามารถสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้กับประเทศไทยด้วยซ้ำไป ไม่ว่าแพ้หรือชนะ 16 ภาพที่ถ่ายออกมาการท่องเที่ยวมีแต่ได้กับได้”



ยกระดับช่างภาพไทย 

ผู้บริหาร หนีกรุง คอนเนค เล่าให้ฟังต่อว่า “ผมต้องบอกเลยว่า ช่างภาพเวลาอยู่ในการแข่งขันจะไม่เหมือนกับถ่ายทั่วไป ยิ่งภาพบังคับต้อง Unseen ต้องหามุมมองใหม่เขาทำการบ้านเก่งมาก และทุกครั้งไม่เคยผิดหวังเลย กรรมการเราเอง ก็เป็นนักเดินทางทั้งนั้น พวกเราเองเห็นภาพยังโอ้โหเลย

ที่เราทำไปเราเห็นถึงวิวัฒนาการของการถ่ายภาพดั้งเดิมยังอยู่ รายการนี้ต้องการทำขึ้นมาเพื่อขอบคุณช่างภาพ

จริงๆ แล้วแหล่งท่องเที่ยวทั้งหลายตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วต้องขอบคุณช่างภาพ ภาพๆหนึ่งเป็นตัวเปลี่ยนเป็นแหล่งท่องเที่ยว ใครเห็นแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ ก็อยากไป อสท.ก็หยิบไปเป็นปก เป็นคอนเทนท์ด้านใน

ส่วนที่สองคือ กรรมการก็เป็นนักเดินทางเป็นโลกยุคใหม่ที่นำเสนอภาพผ่านออนไลน์ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งนำเอาความใหม่ของสถานที่ การอัพเดทของธรรมชาติ อย่างคุณมาเรียถ่ายจะเห็นเลยว่า ปีที่ผ่านมาธรรมชาติฟื้นตัวขนาดไหน ระหว่างโควิด ซึ่งทำให้เราใจหายไปกับเรื่องหลายๆเรื่อง แต่ก็ให้เราบางอย่างกลับมา ฟื้นฟูตัวเองขึ้นมา เพราะฉะนั้นใครไปเที่ยวตอนนี้จะเห็นว่า ธรรมชาติอิ่มกว่าทุกครั้งที่เราได้เห็น



ผมคิดว่าเป็นตัวที่เห็นพัฒนาของการนำเสนอภาพ การถ่ายภาพธรรมชาติที่เราไม่เคยถูกเชิดชูตั้งแต่สมัยพี่ดวงดาว สุวรรณจินดา พี่สุรจิต จามรมาน ไม่เคยมีใครพูดถึง แต่เมื่อมีการมาทำรายการ One Pic Big Dream จะเป็นการยกระดับช่างภาพ ยกระดับการถ่ายภาพขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง ทำให้เห็นว่าการถ่ายภาพมีผลกับการท่องเที่ยว เป็นการสร้างมุมมองใหม่ ทุกซีซั่นที่ผ่านมาแม้แต่คนที่ตกรอบ หลายๆ ที่ เช่นที่จังหวัดเลย ที่สตูล บูมทั้งหมด มีคนตามไปเที่ยวกัน

คนที่ตกรอบ คนเก่งไม่ใช่ชนะเสมอกัน เพราะในวันนั้น ต้องใช้เวลานานหลายวัน บางครั้งไปเจ็ดถึงแปดครั้งกว่าจะได้หมอกที่ปางอุ๋ง กว่าจะได้รูปดีดี แต่ในรายการเรามีเวลาให้แค่ 24 ชม. ผมจึงบอกว่าวันนั้น เบื้องบนแล้วแต่ฟ้า เบื้องหน้าแล้วแต่ฝัน” 


ดัน รายการ One Pic Big Dream สู่ตลาดอินเตอร์

ดูจะเป็นความคิดที่ก้าวขึ้นไปอีกระดับงาน เมื่อเขาเตรียมนำ รายการ One Pic Big Dream ที่นำเสนอการแข่งขันถ่ายภาพธรรมชาติสู่ตลาดต่างประเทศ

“ซีซั่น 4 จะมีท่าบังคับเป็นตัวกำหนดให้รายการมีสถานการณ์ที่สนุก เก่งเล็ก เก่งใหญ่มาเจอกัน ผมจะทำให้สนุกขึ้น ตื่นเต้นขึ้น ต้องบอกว่าอินเตอร์ขึ้น จริงๆ ตอนนี้เราแอบทำตั้งแต่ซีซัน 123 เราคุยกับซัพพลายเออร์ต่างชาติ มีการแปลภาษา ติดต่อรายการที่มีการซื้อขายคอนเทนท์รายการกันในประเทศต่างๆ เพื่อที่จะนำรายการเราไปเผยแพร่ในประเทศคู่ค้าที่เขาเข้ามาเที่ยวเมืองไทยอยู่แล้ว ก็จะไปนำเสนอ

เพราะฉะนั้นผมคิดว่า เมื่อเรานำรายการนี้ไปนำเสนอ ก็จะทำให้การท่องเที่ยวเราบูมมากยิ่งขึ้น เขาได้เห็นมุมมองสวยๆ มุมมองใหม่ๆ ในรายการตรงนี้จะเป็นอีกทางหนึ่งในการช่วยการท่องเที่ยวและช่วยรายการจะขยายฐานไปอีกด้วย” นายรัฐรงค์ กล่าว  

 

กระตุ้นท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ผู้บริหารหนีกรุง คอนเนค ยังบอกอีกว่า “การเปิดรายการในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก เพราะรัฐบาลได้ปลดล็อกให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้แล้ว จึงเชื่อว่าการแข่งขันครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมกระตุ้นให้คนไทยออกมาท่องเที่ยวช่วยชาติ รวมถึงช่วยเผยแพร่และสร้างสีสันให้แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

...ที่สำคัญ เชื่อมั่นว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยหลาย ๆ ประการ หลังจากที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตโควิด-19 ในหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่สถานที่ท่องเที่ยว ทั้งโลเกชั่นแห่งใหม่และสถานที่ที่มีชื่อเสียงผ่านภาพอันสวยงามจากช่างภาพชั้นนำ การสร้างและเพิ่มจุดขาย และส่งเสริมดึงดูดการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง

“ด้วยความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานของทีมหนีกรุง คอนเนค จะทำให้ภาพที่ปรากฏขึ้นจนถึงภาพสุดท้ายที่ชนะเลิศ ช่วยให้ผู้ชมที่ติดตามรายการเกิดแรงบันดาลใจ ออกไปเดินทางท่องเที่ยว เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทางทั่วไป ซึ่งนั่นหมายถึงการทำให้เกิดเงินหมุนเวียนสู่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ช่วยเศรษฐกิจ สังคมและช่วยชาติบ้านเมือง ทำให้คนไทยทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างรวดเร็ว”